“ซัวเรซ” นำแข้งอุรุกวัยวอนเอฟเอล้างโทษแบน “คาวานี” หลังโดนข้อหาเหยียดผิว

อดีตดาวยิงลิเวอร์พูล นำทัพนักเตะอุรุกวัยเรียกร้องให้ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ล้างโทษแบน เอดินสัน คาวานี หลังหัวหอกแมนยูฯ ถูกลงดาบข้อหาเหยียดผิว

วันที่ 5 ม.ค. 64  ดิเอโก โกดิน กองหลังกัปตันทีมชาติอุรุกวัยจากสโมสรกายารี และ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงจากสโมสรแอตเลติโก มาดริด เป็นแกนนำของสหภาพนักฟุตบอลอุรุกวัย (เอเอฟยู) ในการแชร์จดหมายผ่านทวิตเตอร์ที่มีใจความสนับสนุน เอดินสัน คาวานี ศูนย์หน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูก สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ลงโทษในข้อหาเหยียดผิว

ทั้งนี้ เอฟเอ สั่งแบน คาวานี 3 นัด พร้อมปรับเงิน 100,000 ปอนด์ (4.1 ล้านบาท) และต้องเข้ารับการอบรมแบบตัวต่อตัวให้ครบตามโปรแกรมที่กำหนด จากการตอบเพื่อนที่เข้ามาแสดงความยินดีในอินสตาแกรมด้วยภาษาสเปนว่า “Gracias negrito” ซึ่งหากแปลตรงตัวจะได้ความหมายว่า “ขอบคุณเจ้ามืด” ที่ส่อไปในทางเหยียดผิว หลังจบเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ซึ่งเขาเป็นฮีโร่ของ “ปิศาจแดง” ด้วยการยิง 2 ลูก และจ่ายอีก 1 ประตูช่วยให้ทีมบุกไปแซงชนะ เซาแธมป์ตัน 3-2 แม้ คาวานี จะออกมาขอโทษและลบโพสต์ในเวลาต่อมา หลังทราบว่าคำดังกล่าวซึ่งปกติชาวอุรุกวัยและคนในทวีปอเมริกาใต้จะใช้ในการพูดจาหยอกล้อกับเพื่อนหรือคู่สนทนาที่สนิทสนมกัน สามารถสื่อความหมายเชิงเหยียดผิวได้ในเมืองผู้ดี แต่สุดท้ายก็ไม่รอดจากการถูก เอฟเอ ตั้งข้อหาจนถูกลงโทษในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ซัวเรซ และ โกดิน ได้ออกมาเป็นแกนนำนักฟุตบอลของอุรุกวัยในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ คาวานี พร้อมระบุว่าการลงโทษของ เอฟเอ ถือเป็นการกระทำที่ต่อต้านวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวอุรุกวัย จดหมายของ สหภาพนักฟุตบอลอุรุกวัย (เอเอฟยู) ที่ ซัวเรซ และ โกดิน แชร์ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวมีใจความสำคัญว่า “เอดินสัน คาวานี ไม่เคยแสดงพฤติกรรมใดๆ ที่สื่อถึงการเหยียดผิวและเชื้อชาติ เขาเพียงแค่แสดงออกกับเพื่อนที่มีความสนิทสนมแบบคนลาตินอเมริกาทั่วไปเท่านั้น การลงโทษของ เอฟเอ แสดงให้เห็นถึงความลำเอียงและดื้อรั้นที่จะสรุปจากการตีความเพียงด้านเดียว เราจึงอยากขอร้อง เอฟเอ ให้ช่วยลบล้างบทลงโทษที่มีต่อ เอดินสัน คาวานี และช่วยกอบกู้ชื่อเสียงเกียรติยศที่สูญเสียไปแบบไม่ยุติธรรมจากการตัดสินที่น่าตำหนิเช่นนี้กลับคืนมาด้วย”

บทลงโทษดังกล่าวทำให้ คาวานี พลาดการลงสนามให้ แมนยูฯ ในเกมพรีเมียร์ลีกที่เปิดบ้านชนะ แอสตัน วิลลา 2-1 เมื่อวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม และยังเหลือเกมคาราบาวคัพ (ลีกคัพ) รอบรองชนะเลิศ ที่จะเปิดบ้านพบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันพุธที่ 6 มกราคมนี้ รวมถึง เอฟเอ คัพ รอบ 3 เปิดบ้านเจอ วัตฟอร์ด ทีมจากศึกแชมเปียนชิพ 9 มกราคม ซึ่งต้องรอดูว่าหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงบทลงโทษหรือไม่