ลาปอร์กต์โขกชัย แมนซิตี้ เฉือน สเปอร์ส ซิวแชมป์คาราบาวคัพ 4 ปีติด

อายเมริค ลาปอร์กต์ กลายเป็นฮีโร่ของทัพ “เรือใบสีฟ้า” หลังโขกประตูชัยในช่วงท้ายเกมพาทีมเฉือนเอาชนะ สเปอร์ส แบบหวุดหวิด 1-0 ผงาดคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน

การแข่งขันฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลี่ย์ (สนามกลาง) เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ 7 สมัย และ 3 ฤดูกาลติดต่อกัน พบกับ สเปอร์ส แชมป์ 5 สมัย ซึ่งเข้าชิงชนะเลิศรายการนี้ในรอบ 13 ปี

เปิดฉากเกมครึ่งแรก มาได้แค่ 7 นาที “เรือใบสีฟ้า” เกือบได้ลุ้นขึ้นนำหลัง ชูเอา กันเซโล่ แทงบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดถึงเส้นหลังก่อนล็อกหนี แซร์ช โอริเย่ร์ แล้วปาดไปเสาแรกให้ ฟิล โฟเด้น ยิงหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย อีกนาทีถัดมา แมนฯซิตี้ ได้ลุ้นอีกคราวนี้ ริยาด มาห์เรซ ตักบอลมาเสาแรกให้ ราฮีม สเตอร์ลิง สอดมาโขกแต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ ถึงนาทีที่ 15 ลูกทีมของเป๊ปเกือบชิงขึ้นนำหลัง บอลทุ่มเร็วให้ ริยาด มาห์เรซ ถึงเส้นหลังก่อนหักมาให้ สเตอร์ลิง ยิงกลางประตูทว่าซัดด้วยขวาไปติดขา เอริค ดายเออร์ ที่ช่วยเซฟไม่ให้ไก่เสียประตูหวุดหวิด นาทีที่ 26 แมนฯซิตี้ ทิ้งโอกาสทองขึ้นนำอย่างเหลือเชื่อ เมื่อ กุนโดกัน ตัดบอลได้แล้วแทงออกขวาให้ เควิน เดอ บรอยน์ ครอสเข้าไปในกรอบ 6 หลา โทบี อัลเดอร์แวเรลด์ ล้มตัวสกัดแต่บอลไปเข้าทาง ฟิล โฟเด้น วิ่งมาซัดด้วยซ้ายแต่ยังดีที่ อัลเดอร์แวเรลด์ ลุกมาขวางบอลเลยพุ่งไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย ถัดมา นาทีที่ 35 ริยาด มาห์เรซ ได้บอลทางขวาก่อนเลี้ยงจี้หนี เรกีลอน เข้าไปในกรอบตามสไตล์ก่อนหักเข้าซ้ายปั่นบอลไปเสาไกลหนีมือ โยริส ไปแล้ว แต่บอลโค้งน้อยไปถากเสาออกไปหวุดหวิด ช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 45+1 ทัพเรือใบหวิดได้ลุ้นขึ้นนำอีกครั้ง คราวนี้ ชูเอา กันเซโล่ ได้กดด้วยขวานอกกรอบบอลพุ่งเสาแรกกำลังจะเบียดเสาเข้าอยู่แล้วแต่โดน อูโก้ โยริส พุ่งปัดออกไป

จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังทำอะไร สเปอร์ส ไม่ได้ เสมอกัน 0-0

กลับมาต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 47 “ไก่เดือยทอง” ได้โอกาสส่องเข้ากรอบหนแรก หลัง ลูคัส มูร่า ผ่านบอลให้  โจวานี่ โล เซลโซ่ อัดด้วยซ้ายนอกกรอบ แต่ยังไม่ผ่าน แซ็ค สเตฟเฟ่น ปัดออกไปได้ นาทีที่ 54 ไคล์ วอล์คเกอร์ แทงบอลขึ้นหน้าให้ ริยาด มาห์เรซ เลี้ยงจี้เข้าไปในกรอบแล้วแต่งเข้าซ้ายซัดไปแฉลบแข้งสเปอร์ส ก่อนที่จะไปเข้ามือ อูโก้ โยริส จากนั้นนาทีที่ 71 มาห์เรซ ไหลคืนหลังให้ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดโค้งไปเสาไกลให้ แฟร์นันดินโญ่ หนีตัวประกบฉีกมาโขกยัดมุมแคบแต่ยังไปเข้ามือ อูโก้ โยริส ถัดมาแค่นาทีเดียว อิลคาย กุนโดกัน แทงทะลุให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปทางซ้ายก่อนปีกทีมชาติอังกฤษจะจ่ายย้อนคืนมาให้ กุนโดกัน วิ่งมาซ้ายด้วยซ้ายไม่ถนัดบอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าผิดหวัง นาทีที่ 74 ริยาด มาห์เรซ เลี้ยงตะลุยเดี่ยวขึ้นมาก่อนแหวกแนวรับสเปอร์ส 4 คน แต่งเข้าซ้ายแล้วปั่นนอกกรอบกลางประตูบอลพุ่งเกือบจะเบียดเสา แต่ยังดีที่ โยริส ยังไวพุ่งปัดออกไปแบบหวุดหวิด ความพยายามของ เรือใบสีฟ้า มาประสบผลสำเร็จจนได้ในนาทีที่ 82จากจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดฟรีคิกนอกกรอบทางซ้ายใกล้ฝั่งมุมธงเข้ามากลางประตูให้ อายเมริค ลาปอร์กต์ เทกตัวขึ้นโขกส่งบอลเข้าก้นตาข่ายไปให้ แมนฯซิตี้ ขึ้นนำ สเปอร์ส 1-0

ช่วงเวลาที่เหลือ “ไก่เดือยทอง” ไม่สามารถทวงประตูตีเสมอได้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เบียดเอาชนะ สเปอร์ส 1-0 ผงาดคว้าแชมป์คาราบาว คัพ เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน และสมัยที่ 8 สูงสุดเทียบเท่ากับ “หงส์แดง” ที่เคยทำได้ อีกทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลายเป็นกุนซือคนแรกที่พาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพ 4 สมัยติด แซงหน้า บ็อบ เพรสลี่ย์ ตำนานกุนซือลิเวอร์พูลที่ทำไว้ 3 สมัยติด

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนฯ ซิตี้แซ็ค สเตฟเฟ่น (GK), ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอ๊าส, อายเมริค ลาปอร์กต์, ชูเอา กานเซโล่, เควิน เดอ บรอยน์, แฟร์นันดินโญ่, อิลคาย กุนโดกัน, ริยาด มาห์เรซ, ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิล โฟเด้น    

สเปอร์สอูโก้ โยริส (GK), แซร์ช โอริเย่ร์, โทบี อัลเดอร์แวเรลด์, เอริค ดายเออร์, เซร์คิโอ เรกีลอน, แฮร์รี่ วิงค์ส, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, โจวานี่ โล เซลโซ่, ลูคัส มูร่า, แฮร์รี่ เคน, ซน ฮึง-มิน