เจ้าภาพฝันสลาย อเซนซิโอ กดชัย สเปนอัดญี่ปุ่นต่อเวลา ลิ่วชิงทองกับบราซิล

มาร์โก อเซนซิโอ เป็นฮีโร่ ซัดประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษพา สเปน เอาชนะ ญี่ปุ่น 1-0 หลังเสมอในเวลาปกติ 0-0 ช่วยให้ทัพ “กระทิงดุ” ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปลุ้นเหรียญทองสมัยที่สองกับ บราซิล ส่วนทัพ “ซามูไร” จะไปชิงอันดับสามกับ เม็กซิโก ในศึกฟุตบอลชาย โอลิมปิก เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา

การแข่งขันฟุตบอลชาย โอลิมปิก 2020 รอบรองชนะเลิศคู่แรก ประจำวันอังคารที่ 3 สิงหาคม 2564 ที่สนาม ไซตามะ สเตเดี้ยม ระหว่าง ญี่ปุ่น กับ สเปน โดยผู้ชนะคู่นี้จะผ่านเข้าไปชิงเหรียญทองกับ บราซิล ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ 

ฮาจิเมะ โมริยาสึ กุนซือทัพซามูไรน้อย เกมนี้ไร้ปัญหาการจัดทัพแนวรุกนำมาโดย ริตสึ โดอัน, ทาเคฟูสะ คูโบะ, เรโอะ ฮาตาเตะ และ ไดชิ ฮายาชิ ลงล่าตาข่ายตามเดิม ด้าน สเปน ของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ เกมนี้ส่ง ออสการ์ กิล ลงประจำการแบ็กขวาแทน ออสการ์ มินเกซ่า ที่เจ็บมาจากเกมที่แล้ว ขณะที่แนวรุกส่ง ราฟา มีร์ ที่กดแฮตทริกในนัดที่แล้วลงเป็นตัวจริงนัดแรก

เปิดฉากเกมครึ่งแรกเกมผ่านไป 20 นาที เป็น สเปน ที่ครองบอลบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียว แต่ยังหาจังหวะเข้าทำแบบจะแจ้งไมได้เลย ส่วน ญี่ปุ่น มาเน้นตั้งรับหวังใช้จังหวะสวนกลับเล่นงาน จากนั้นนาทีที่ 31 สเปน ได้โอกาสจบครั้งแรกจากการยิงของ มิเกล โอยาซาบาล ตวัดยิงด้วยขวาในเขตโทษแต่บอลเหินข้ามคาน นาทีที่ 39 สเปน ได้โอกาสทองที่จะขึ้นนำ เปดรี้ แทงทะลุช่องให้ ราฟา มีร์ หลุดเดี่ยวมาจิ้มในเขตโทษแต่ยังติดเซฟของ โคเซอิ ทานิ ท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 43 ญี่ปุ่น ได้ลุ้นบ้าง ทาเคฟูสะ คูโบะ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากตะลุยเข้าเขตโทษแล้วไหลบอลให้ อาโอะ ทานากะ ได้ซัดด้วยขวาบอลไปแฉลบบล็อกแนวรับ สเปน หลุดกรอบออกไปนิดเดียว จบครึ่งแรก ญี่ปุ่น ยังเสมอ สเปน 0-0 

กลับมาต่อครึ่งหลัง ญี่ปุ่น แก้เกมมาดี มีโอกาสขึงบุกใส่ สเปน ได้บ้าง และมาได้ลุ้นขึ้นนำ ในนาทีที่ 52 เรโอ ฮาตาเตะ ไหลบอลให้ ไดชิ ฮายาชิ กดด้วยขวาบริเวณหัวกระโหลกบอลข้ามคานออกไปนิดเดียว เกมดำเนินมาถึง นาทีที่ 56 ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษให้กับ สเปน หลังจาก มายะ โยชิดะ ไปเสียบสกัดใส่ มิเกล เมนิโน่ ล้มในเขตโทษ แต่เมื่อไปย้อนดู VAR แล้วกลัวคำตัดสินเนื่องจากแนวรับจาก เซาธ์แฮมป์ตัน สกัดโดนบอลก่อน จากนั้น นาที 76 สเปน ได้โอกาสทองที่จะขึ้นนำอีกครั้งเมื่อบอลแฉลบมาเข้าทาง ราฟา มีร์ หลุดเดี่ยวไปซัดแต่ยังติดเซฟของ โคเซอิ ทานิ ถัดมาสองนาที ญี่ปุ่น ได้โต้กลับขึ้นมา และได้ลุ้จากลูกยิงของ ทาเคฟูสะ คูโบะ ลากเข้าเขตโทษมายิงยัดเสาแรก แต่ อูไน ซิโมน ยังยืนปิดมุมได้ดี ช่วงท้ายเกม สเปน บุกดดันอย่งหนัก นาทีที่ 88 ราฟา มีร์ หลุดเดี่ยวอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจยิงมุมแคบยังติดเซฟของ โคเซอิ ทานิ ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมยังเจาะประตูกันไมได้ จบ 90 นาทีเสมอ 0-0 ต้องไปลุ้นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที นาทีที่ 103 ญี่ปุ่น เกือบขึ้นนำจากจังหวะที่ ยูตะ นากายามะ เปิดจากกราบซ้ายเข้าเขตโทษให้ ไดเซน มาเอดะ โฉบตัดหน้า เปา ตอร์เรส มาโขกเน้นๆบอลหลุดกรอบออกไปนิดเดียว จนกระทั่งนาทีที่ 116 สเปน ขึ้นนำจนได้ 1-0 มาร์โก อเซนซิโอ แต่งบอลเข้าซ้ายแล้วปั่นไปเสาไกลบอลพุ่งเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม สเปน เอาชนะ ญี่ปุ่น 1-0 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบ บราซิล ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ส่วนทัพ “ซามูไร” จะไปชิงอันดับสามกับ เม็กซิโก

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

ญี่ปุ่น : โคเซอิ ทานิ, ฮิโรกิ ซากาอิ, มายะ โยชิดะ, โค อิตาคุระ, ยูตะ นากายามะ, อาโอะ ทานากะ, วาตารุ เอ็นโดะ, ริตสึ โดอัน (ไดเซน มาเอดะ น.91), ทาเคฟูสะ คูโบะ (โคจิ มิโยชิ น.91), เรโอะ ฮาตาเตะ (ยูกิ โซมะ น.65), ไดชิ ฮายาชิ (ฮายาเสะ อูเอดะ น.65)

สเปน : อูไน ซิโมน, ออสการ์ คิล, เอริค การ์เซีย, เปา ตอร์เรส, มาร์ค กูกูเรย่า, มิเกล เมริโน่ (การ์ลอส โซแลร์ น.59), มาร์ติน ซูบิเมนดี้ (ฆอน มอนกาโยล่า น.97), เปดรี้ (มาร์โก อเซนซิโอ น.83), ดานี่ โอลโม่ (ฆาบี ปูอาโด้ น.59), ราฟา มีร์, มิเกล โอยาร์ซาบัล