เดอ บรอยน์ กับภารกิจต่อสัญญาที่ลงทุนเยอะกว่าที่คิด

เควิน เดอ บรอยน์ ตัดสินใจฝากอนาคตไว้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนถึงปี 2025 สื่อเผยรับค่าเหนื่อยมหาศาลในระดับหัวแถวของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพชาวเบลเยียมแทบจะกลายเป็นนักเตะที่สำคัญที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนิดที่ว่ากันว่าหากเขาหายไปแล้วมันก็จะส่งผลกระทบกับทีมในระดับหนึ่ง เพราะเขาสามารถปั้นเกมรุกให้ทีมได้เป็นอย่างดี หลักฐานของเรื่องนั้นไม่ได้มีแค่จำนวนครั้งการแอสซิสต์ เนื่องจากในหลายครั้งเขาก็ช่วยขึ้นเกมจากในแดนตัวเองด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ ก่อนหน้านี้บรรดาแฟนบอล แมนฯ ซิตี้ เลยหวาดเสียวกันสุดๆ ในตอนที่มีกระแสข่าวลือว่า เดอ บรอยน์ ไม่พอใจสัญญาฉบับใหม่ที่ต้นสังกัดยื่นให้เนื่องจากมองว่าค่าเหนื่อยมันน้อยเกินไป แถมยังมารู้อีกว่า แมนฯ ซิตี้ เตรียมจะประเคนค่าเหนื่อยให้ ลิโอเนล เมสซี่ มากกว่าที่ยื่นให้เขาซะอีก

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา ทุกอย่างก็จบลงด้วยดีสำหรับทีมสีฟ้าในเมืองแมนเชสเตอร์ หลังจากที่ ดาวเตะวัย 29 ปี ต่อสัญญากับทีมอย่างเป็นทางการจนทำให้มันจะมีผลไปจนถึงช่วงซัมเมอร์ ปี 2025 ถึงกระนั้น ดิ แอธเลติก สื่อกีฬาชั้นนำก็เผยว่าทุกอย่างมันไม่ได้เรียบง่าย และ เดอ บรอยน์ ลงทุนหนักมากเพื่อที่จะได้อยู่กับทีมต่อไป

เกริ่นก่อนว่า เดอ บรอยน์ เคยไม่พอใจกับสถานการณ์ของตัวเองจริงๆ โดยเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเขาบ่นกับเพื่อนร่วมทีมชาติเบลเยียมด้วยว่าสัญญาฉบับแรกที่ แมนฯ ซิตี้ ยื่นให้มนต่ำกว่าที่เขาคาดหวังเอาไว้ โดยต่อให้นับรวมเงื่อนไขโบนัสเข้าไปด้วยมันก็ยังน้อยกว่าที่เขาได้รับอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ในปัจจุบันเลย

อย่างไรก็ตาม ในใจของ เดอ บรอยน์ นั้น เขายังอยากอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ต่อไปมากที่สุด เขาก็แค่ต้องการให้สโมสรมอบสัญญาที่คู่ควรกับความสำคัญที่เขามีต่อทีมเท่านั้น คำถามคือมันต้องทำยังไงถึงจะทำให้คนใหญ่คนโตของ แมนฯ ซิตี้ คล้อยตามเขาได้ ?

คำตอบก็คือ เดอ บรอยน์ ลงทุนจ้างทีมงานวิเคราะห์ข้อมูลให้มาวิเคราะห์ผลงานที่เขามีต่อทีมในเกือบทุกด้านในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพราะเขาอยากรู้ว่าผลงานของตัวเองมีผลกระทบกับทีมมากแค่ไหน แถมยังให้ทีมงานชุดนั้นวิเคราะห์ด้วยว่า แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จต่อไปอีกมากแค่ไหนในช่วงหลังจากนี้หากพิจารณาถึงอายุของขุมกำลังและคุณภาพของทีม ไม่เพียงแค่นั้น เดอ บรอยน์ ยังให้ทีมงานลองวิเคราะห์ด้วยว่าบรรดาคู่แข่งของ แมนฯ ซิตี้ ทั้งในประเทศและต่างแดนจะมีสภาพแบบไหนในช่วงหลังจากนี้ เพราะมันจะทำให้สามารถประเมินความสำเร็จของทีมได้ง่ายขึ้น สุดท้ายแล้วผลจากการวิเคราะห์ก็คือ เดอ บรอยน์ ได้เห็นว่าเขาเป็นฟันเฟืองที่สำคัญต่อทีมมากๆ และถ้าไปอยู่กับทีมอื่นเขาก็คงจะไม่มีความสำคัญมากเท่ากับในสีเสื้อ แมนฯ ซิตี้ เรื่องดังกล่าวมีส่วนทำให้การเจรจาเรื่องต่อสัญญามันเริ่มคืบหน้าไปได้เร็วขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะจบลงด้วยดีโดยที่ เดอ บรอยน์ ได้รับค่าเหนื่อยโดยรวมสัปดาห์ละเกือบ 400,000 ปอนด์ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นการคุยเรื่องนี้มันแทบไม่มีพัฒนาการที่ดีเลย การเจรจาทั้งหมดนี้ลุล่วงโดยที่ เดอ บรอยน์ ไม่ได้ใช้เอเยนต์มาคุยเลยด้วย แต่ก็ยังมี เฮอร์วิก คุณพ่อของเขาที่เป็นทนายมาช่วยทำข้อตกลง เรียกได้ว่านอกจากจะละเอียดกับการเล่นในสนามแล้วนั้น เดอ บรอยน์ ก็ยังละเอียดเกี่ยวกับการตัดสินอนาคตของตัวเองเช่นกัน