เบื่อโลก ทัศนคติแย่ หวิดโดนเฉดหัวทิ้ง ฝ่าอุปสรรคสู่เพชฌฆาตตัวความหวัง Ep.2

คล้อยหลังจากที่ โชเซ มูรินโญ จากไปและเป็นทาง โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ที่พกสถานะนักเตะระดับตำนานของสโมสรที่เคยฝากผลงาน 126 ประตูจากการลงสนาม 366 นัดในทุกรายการระหว่างปี 1996-2007 ก็เข้ามากูวิกฤติด้วยสัญญาชั่วคราวจนจบฤดูกาลแต่ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมชนะถึง 14 หลุดเสมอ 2 และแพ้เพียงแค่ 3 นัด พร้อมยิงได้ 40 และ 17 ประตู สร้างสถิติเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ตคุมทีมชนะ 6 นัดติดต่อกัน

นอกจากนี้ยังมีสถิติอื่นๆ อีกอย่างการทำสถิติเก็บแต้มได้มากที่สุดจากการคุมทีม 10 นัดแรกของสโมสร, พาทีมชนะเกมเยือน 8 นัดติดต่อกันในทุกรายการได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร, นำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมแรกที่ผ่านเข้ารอบต่อไป ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หลังจากแพ้นัดแรกด้วยผลต่างถึง 2 ประตู ทำให้เขาได้สัญญาถาวรยาว 3 ปี ด้วยค่าเหนื่อยปีละ 7.5 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าเดิมถึง 18.75 เท่า เมื่ออ้างอิงจากค่าเหนื่อยที่เขาเคยได้รับเพียง 400,000 ปอนด์ต่อปีเท่านั้น

ตัดภาพย้อนกลับมาที่ อองโตนี มาร์เชียล ในยุค โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ตัวเขาก็เริ่มมีผลงานดีเรื่อยในช่วงท้ายซีซั่น 2018-19 จนกระทั่งก่อนเปิดซีซั่น 2019-20 หลังจากที่ทีมปล่อยตัว โรเมลู ลูกากู ดาวยิงชาวเบลเยียมออกไปให้กับ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวราว 75 ล้านปอนด์ เท่ากับเสื้อหมายเลข 9 ว่างลงอีกครั้ง และในที่สุดเบอร์เสื้อดังกล่าวก็กลับมาเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาอีกครั้ง ซึ่งเขาย้อนความถึงที่มาที่ไปของเรื่องดังกล่าวว่า โซลชาร์ ส่งข้อความมาหาผมแล้วบอกว่านายอยากกลับไปสวมเสื้อเบอร์ 9 อีกครั้งหรือไม่ ผมก็ตอบว่าแน่นอน ผมอยากกลับไปใส่มันอีกครั้ง ซึ่งโค้ชก็บอกกับผมว่าถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวของนายเองแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาเหมาะสมกับหมายเลขเสื้อเบอร์ดังกล่าว

แน่นอนว่านี่คือจิตวิทยาที่ชาญฉลาดมากๆ ของ โซลชาร์ ในการซื้อใจและจุดไฟในตัว อองโตนี มาร์เชียล ให้กลับมาสว่างพลุ่งพล่านอีกครั้ง พร้อมกันนี้นอกจากเบอร์เสื้อที่เปลี่ยนไปแล้วตัวเขายังได้ขยับจากตำแหน่งปีกซ้ายเข้ามายืนในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าหรือในตำแหน่งผู้เล่นหมายเลข 9 อันตรงกับเบอร์เสื้อด้านหลังของเขา

ตอนแรก อองโตนี มาร์เชียล ก็ยังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของบรรดากูรูลูกหนังรวมถึงแฟนบอลที่บอกว่าเขาไม่เหมาะสมที่จะลงเล่นในตำแหน่งดังกล่าวที่ถือว่าเป็นความหวังสูงสุดของทีมในการทำประตูเนื่องจากในหลายๆ ครั้งเขาไม่ขยับหาช่องหรือวิ่งทำทาง จนทำให้เสียงวิจารณ์เลยเถิดไปถึงขั้นให้ทีมคว้ากองหน้าตัวเป้ารายใหม่เข้ามาสู่ทีมเพราะไม่เชื่อว่าเขาจะมีน้ำยาดีพอที่ทีมระดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะฝากความหวังไว้ได้นั่นเอง

แต่กระนั้นหลังจากโดนกระแสระลอกล่าสุด แทนที่ อองโตนี มาร์เชียล จะเป๋ฟอร์มหลุดออกทะเลเหมือนครั้งก่อนๆ แต่เขากลับก้มหน้าก้มตาฝึกซ้อมอย่างหนักจนผลผลิตแห่งความพยายามเริ่มผลิบานขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มมีการทำประตูที่หลากหลายให้เห็นทั้งการทำชิ่งเข้าไปทำประตู ลูกโหม่ง หรือการเข้าชาร์จ นอกเหนือจากการเลี้ยงตัดจากซ้ายและยิงด้วยขวาที่มักจะเป็นภาพเดิมๆ กับประตูส่วนใหญ่ที่เขาทำได้

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนในการช่วยยกระดับฟอร์มการเล่นของ อองโตนี มาร์เชียล นั่นคือเมื่อช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบที่สองในเดือนมกราคม ทีมคว้าตัว บรูโน เฟอร์นันเดส จอมทัพชาวโปรตุเกส มาจาก สปอร์ติง ลิสบอน ด้วยค่าตัวเบื้องต้นราวๆ 47 ล้านปอนด์ และมีสิทธิ์ที่ตัวเลขจะขยับไปสูงถึง 68 ล้านปอนด์ หากนักเตะทำได้ตามเงื่อนไขที่ทั้งสองสโมสรตกลงกันไว้

ทันทีที่ บรูโน เฟอร์นันเดส เข้ามาสู่ทีมเขามีอิมแพ็กสำคัญในการยกระดับทีมอย่างไม่น่าเชื่อและมีส่วนสำคัญในการยกระดับฟอร์มการเล่นของ อองโตนี มาร์เชียล ขึ้นไปอีกขั้น ดาวยิงหน้านิ่งชาวฝรั่งเศสเจอคู่ขาที่ตอบโจทย์เมื่อได้ทั้งลูกจ่ายทะลุช่องสวยๆ การทำชิ่ง 1-2 กันอย่างรู้ใจ จากที่แทบไม่เคยยิ้มก็เริ่มยิ้มและยิ้มมากกว่าเคยนั่นแสดงให้เห็นว่าเขากำลังมีความสุขกับทีมมากขนาดไหน

บทสรุปในซีซั่น 2019-20 อองโตนี มาร์เชียล ทำไปได้ถึง 23 ประตูกับอีก 12 แอสซิสต์ ซึ่งถือเป็นผลงานดีที่สุดกับเขานับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อปี 2015 เลยทีเดียว นอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะคนแรกของทีมในรอบ 7 ปี ที่สามารถทำแฮตทริกในเกมพรีเมียร์ลีกต่อจาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี ดาวยิงชาวเนเธอร์แลนด์ ที่ยิงใส่ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา เมื่อเดือนเมษายน 2013 หรือในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์เลยทีเดียว จนมีส่วนสำคัญในการพาทีมจบอันดับที่ 3 คว้าสิทธิ์ไปลุย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาล 2020-21 ได้สำเร็จ

นักเตะแต่ละคนมีมุมมองและการตอบสนองแตกต่างกันออกไป บางคนต้องถูกกดดัน ดุด่า ว่าตี อย่างหนักเพื่อเป็นการกระตุ้น แต่กับบางคนเขาต้องการความเข้าอกเข้าใจและบอกกล่าวหรือสอนเขาอย่างมีเหตุผลจึงจะสามารถดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวออกมาได้ ซึ่งในรายของ อองโตนี มาร์เชียล เป็นอย่างหลัง

ต้องบอกว่า โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ จัดการกับเคสของ อองโตนี มาร์เชียล ได้อย่างยอดเยี่ยม เขาไม่ดุด่าเหมือน โชเซ มูรินโญ แต่เลือกที่จะพูดคุยด้วยความเข้าใจและให้ใจด้วยการให้ความเชื่อมั่นทั้งคืนเบอร์เสื้อหมายเลข 9 รวมถึงการขยับตำแหน่งของเขากลับไปสู่ตำแหน่งถนัดอย่างกองหน้าตัวเป้า แม้ตัวนักเตะจะเคยหลงเหลิงและหลุดโฟกัสไปเล็กน้อยตอนต่อสัญญาฉบับใหม่ยาวจนถึงปี 2024 ด้วยค่าเหนื่อยที่สูงถึง 250,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ เมื่อวันที่ 31 มกราคม ปี 2019 แต่กระนั้นท้ายที่สุดแล้ว โซลชาร์ ก็ประคับประคองและรู้จักวิธีในการปฏิบัติกับมีส่วนสำคัญทำให้แข้งวัย 24 รายนี้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดบนถนนเส้นทางลูกหนัง

ผู้เขียน : iPoppz_5

กราฟิก : Taechita Vijitgrittapong

Credit : https://www.thairath.co.th/