5 ประเด็นร้อนก่อนเกม “พรีเมียร์ลีก” นัดสุดท้ายประจำซีซั่น 2019-20

ส่อง 5 ประเด็นร้อนก่อนเกม “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” นัดที่ 38 หรือนัดสุดท้ายประจำฤดูกาล 2019-20 ที่จะรูดม่านปิดฉากอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ก.ค.นี้

ฟุตบอล “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” สมรภูมิลูกหนังอันดับหนึ่งบนเมืองมนุษย์ ดำเนินมาถึงบทสรุปท้ายในตอนจบแล้วหลังเตรียมจะทำการแข่งขันในนัดที่ 38 ประจำฤดูกาล 2019-20 วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคมนี้ โดยทั้ง 10 คู่จะฟาดแข้งพร้อมกันเวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทยและนี่คือ 5 ประเด็นร้อนก่อนเกมที่น่าสนใจ

1.) ลิเวอร์พูล ลุ้นเก็บแต้มมากสุดในประวัติศาสตร์

แม้ลูกทีมของ เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรและถือเป็นแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 30 ปี ตั้งแต่นัดที่ 31 ของฤดูกาลภายหลังจากที่ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกพ่าย “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 1-2 รวมถึงได้ชูถ้วยฉลองแชมป์อย่างเป็นการทางในนัดล่าสุดที่เปิดบ้านถล่ม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 5-3 แต่โปรแกรมนัดสุดท้ายพวกเขาก็ยังมีลุ้นการทำลายสถิติเก็บคะแนนมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกของสโมสร หลังจากที่ปีที่แล้วเพิ่งทำได้ 97 คะแนน (แต่ไม่ได้แชมป์) ซึ่งตอนนี้หลังผ่านเกมลีกนัดที่ 37 พวกเขาสะสมไปได้ 96 คะแนน หากต้องการทำลายสถิติพวกเขาจำเป็นต้องบุกไปเอาชนะ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ดให้ได้ซึ่งนั่นจะทำให้มีคะแนนรวมในฤดูกาล 2019-20 นี้ 99 คะแนน แต่น่าเสียดายที่ไม่ทุบสถิติ 100 คะแนนของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เคยทำได้ถึง 100 คะแนนเมื่อฤดูกาล 2017-18

2.) โควตา ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ดุเดือด

เหลือเพียงแค่ 2 โควตา ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก จาก 3 ทีมที่มีลุ้นจนถึงนัดสุดท้ายประกอบไปด้วย “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อันดับ 3 / 63 คะแนน), “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี (อันดับ 4 / 63 คะแนน) และ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 5 / 62 คะแนน) โดยทีมแรกต้องแค่ผลเสมอเท่านั้นก็จะได้แล้วแต่หากพลาดท่าแพ้ขึ้นมาพวกเขาก็ต้องลุ้นให้ทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด แพ้ด้วยเช่นกัน ขณะที่ทีมที่สองต้องการแค่ผลเสมอก็ลอยลำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องลุ้นให้ เลสเตอร์ ซิตี้ เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากว่าเกิดแพ้ขึ้นมาก็ต้องแช่งให้ เลสเตอร์ ซิตี้ แพ้คาบ้านต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนทีมหลังสุด ก่อนอื่นเลยต้องกำชัยเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ได้แต่ถ้าได้แค่เสมอก็ต้องลุ้นให้ เชลซี แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตันฯ แต่ถ้าเกิดพ่ายแพ้ขึ้นมาต้องบอกเลยว่าจบกันฝันสลาย

3.) ทีมลุ้นหนีตกชั้นดุเดือดไม่แพ้กัน

“นกขมิ้นสีเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ เป็นทีมแรกที่ตกชั้นกลับไปสู่มาตุภูมิเดิมแล้วหลังเก็บได้เพียงแค่ 21 คะแนน นั่นจึงทำให้เหลือที่ว่างอีก 2 ที่ที่ไม่มีใครอยากได้โควตานั้น 3 ทีมประกอบไปด้วย “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา (อันดับ 17 / 34 คะแนน / ผลต่างประตูได้เสีย -26) “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด (อันดับ 18 / 34 คะแนน / ผลต่างประตูได้เสีย -27) และ “เดอะ เชอร์รีส์” บอร์นมัธ (อันดับ 19 / 31 คะแนน / ผลต่างประตูได้เสีย -27) โดยทีมแรกจะบุกเยือน “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ทีมที่สองจะบุกรัง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล และทีมสุดท้ายเล่นนอกบ้านเช่นกันพบกับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน เรียกได้ว่าใครอยู่ใครรอดจะมีดราม่าบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

4.) “วีเออาร์” อาจมีบทบาทชี้ขาดเกม

นี่อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญหรืออาจเป็นดราม่าในแง่ของผลการแข่งขันสำหรับเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 38 หรือนัดสุดท้ายประจำฤดูกาล 2019-20 เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากว่ามันเป็นเกมชี้ขาดผลแพ้-ชนะทีมลุ้นพื้นที่โควตา ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หรือทีมลุ้นหนีตกชั้น แน่นอนว่าทีม “วีเออาร์” ต้องละเอียดรอบคอบในแง่ของกฎ, กติกา หรือระเบียบการแข่งขันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ซึ่งให้มันเป็นดราม่าในแง่ของผลการแข่งขันเพียวๆ ดีกว่าเป็นดราม่าที่เกิดจากข้อผิดพลาดในการตัดสิน

5.) ขอความร่วมมือแฟนบอลอย่าออกมารวมตัว

นี่อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเกมในสนามโดยตรงซะทีเดียว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังการแข่งขันนัดสุดท้ายจบลงมีโอกาสสูงที่จะมีแฟนบอลจากหลากหลายทีมโดยเฉพาะทีมที่ไปลุย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หรือทีมที่รอดตกชั้น ออกมาเฉลิมฉลอง ซึ่งนั่นหมายถึงการรวมตัวกันมหาศาลของแฟนบอลและอาจนำมาซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อ “โควิด-19” ดังนั้นตำรวจในพื้นที่หรือสโมสรต่างๆ ควรออกมาขอความร่วมมือกับแฟนบอลอีกครั้ง

Credit : https://www.thairath.co.th/