สเปนเฮสนั่น ดวลจุดโทษเขี่ย สวิส ทะลุตัดเชือกยูโรเป็นทีมแรก
“กระทิงดุ” สเปน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศสำเร็จ หลังเสมอในเวลา 120 นาที กับ สวิส 1-1 ก่อนเป็น “กระทิงดุ” สอยช่วงดวลจุดโทษ 3-1 พบ อิตาลี รอบรองชนะเลิศต่อไป ในการแข่งขันศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย คืนวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา
การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย คืนวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา “กระทิงดุ” สเปน ลงสนามพร้อมซัด สวิตเซอร์แลนด์ ที่สนามเครสตอฟสกี้ สเตเดี้ยม, เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย)
เปิดฉากเกมครึ่งแรก ในนาทีที่ 8 กระทิงดุ ออกนำ สวิส ไปก่อน 1-0 จากจังหวะของ โกเก้ โยนลูกเตะมุมฝั่งขวา บอลตกกระดอนพื้นเด้งมาหา จอร์ดี้ อัลบา ยิงสวนหน้ากรอบเขตโทษ บอลแฉลบ เดนิส ซากาเรีย เปลี่ยนทางทำ ยานน์ ซอมเมอร์ ยืนขาตายเข้าประตูไป ผ่านมาถึงนาทีที่ 17 โกเก้ ปั่นฟรีคิกระยะ 20 หลาหน้ากรอบเขตโทษ บอลลอยตกด้านบบนของตาข่ายแบบพอได้ลุ้น สวิสเสียหายเมื่อ บรีส เอ็มโบโล่ มีอาการบาดเจ็บต้นขาซ้ายด้านหลัง จนต้องเปลี่ยนเอา รูเบน วาร์กัส ลงมาทำหน้าที่แทนเพียงนาทีที่ 23 สองนาทีต่อมา โกเก้ วางเตะมุมด้านขวาเข้ากลางเขตโทษระยะ 8 หลา เซซ่าร์ อัลปิลิกวยต้า มีผลัก มานูเอล อคานจี แล้วโหม่งบอลเข้ามือนายทวารสวิสยืนถูกตำแหน่งรับสบาย ถัดมานาทีที่ 34 เซอร์ดาน ชากิรี่ เปิดลูกเตะมุมมาเข้าหัว มานูเอล อคานจี เทคตัวโขกบอลแบบไร้ตัวประกบ ทว่าแนวรับทีมนาฬิกาบังคับบอลไม่ดีเหินข้ามคานออกไป หมดเวลาครึ่งแรก สเปน นำอยู่ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0
บู๊ต่อครึ่งหลังแค่สองนาที อัลบาโร่ โมราต้า ฉีกมารับบอล เจ้าตัวล้อกหนีแข้งสวิสก่อนหยอดบอลเข้ามาทางซ้ายในเขตโทษ ดานี่ โอลโม่ ตัวสกอรงที่ลงมายิงตามน้ำบอลเข้ามือ ยานน์ ซอมเมอร์ ล้มตัวรับไว้ สวิสชวดตีคืนนาทีที่ 56 ริคคาร์โด้ โรดดิเกวซ โยนลุกเตะมุมด้านซ้าย บอลมาบริเวณเขตโทษ 7 หลา เดนิส ซากาเรีย ตั้งหัวโขกย้อนมาเสาแรกทว่าบอลเด้งเฉี่ยวออกหลังไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น นาทีที่ 64 ทีมแดนนาฬิกาพลาดจังหวะสำคัญ สตีเว่น ซูเบอร์ ลากบอลลุยมาทางซ้าย ฝากให้ รูเบน วาร์กัส จิ้มคืนมาในเขตโทษ เจ้าตัวสปีดมารับก่อนจิ้มบอลเกือบยัดเสาแรก แต่เจอ อูไน ซิม่อน ยื่นมือปัดทิ้งช่วยทีมหวุดหวิด อีกแค่สี่นาทีสวิสตามตีเสมอให้ทีมเป็น 1-1 จากจังหวะของ เรโม่ ฟรอยเลอร์ หยอดบอลเลาะริมสนามฝั่งขวา อายเมริค ลาปอร์กต์ ตามมาดักบอลแต่ดันพลาดบอลชนตัว เปา ตอร์เรส เด้งเข้าทาง เซอร์ดาน ชากิรี่ หลุดเดี่ยวเลี้ยงเข้าเขตโทษ แล้วซัดลอดขานายทวารกระทิงดุ เกมดำเนินถึงนาทีที่ 77 เรโม่ ฟรอยเลอร์ สไลด์บอลแรงเข้าเสียบสองเท้าโดนขา เคราร์ด โมเรโน่ กรรมการ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ชูใบแดงทันที แม้เช็ควีเออาร์แล้ว แต่ยังยืนยันคำตัดสินเดิม กระทิงดุพยายามบุกนาทีที่ 84 เปดรี้ เก็บบอลสกัดของแนวรับสวิส จ่ายเข้าเขตโทษ เคราร์ด โมเรโน่ เอียงตัวปั่นบอลเลี้ยวเข้าซอง ยานน์ ซอมเมอร์ อยู่ถูกที่รับสบาย จบ 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาอีก 30 นาที
เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ สเปนพลาดนำช่วงต่อเวลานาทีที่ 92 เปดรี้ ไหลบอลมาที่ จอร์ดี้ อัลบา ดอดมาเปิดเรียดด้านซ้ายเข้าหน้าประตู เคราร์ด โมเรโน่ ซัดเต็มแรงบอลไม่ตรงกรอบหลุดออกหลังแบบไม่น่าเชื่อ ถัดมานาทีที่ 96 มิเกล โอยาร์ซาบัล ยิงติดบล็อกผู้เล่นสวิสจังหวะแรก บอลกลิ้งมาหา จอร์ดี้ อัลบา ตั้งป้อมซัดหน้ากรอบเขตโทษ บอลไม่ผ่านมือนายทวารคู่แข่งปัดพ้นประตูไป นาทีที่ 101 กระทิงดุชวดเฮ เซร์คิโอ บุสเกตส์ หยอดบอลทิ้งยาวมาที่ มิเกล โอยาร์ซาบัล ใช้หัวแต่งบอลก่อนเป็น เคราร์ด โมเรโน่ ตีคู่ตามดีดบอลในเขตโทษติดเซฟนายด่านสวิสครั้ง สเปนเร่งเครื่องอีกนาทีที่ 111 จอร์ดี้ อัลบา ตวัดบอลจ่ายเรียด ดานี่ โอลโม่ ปักหลักซัดบอลในเขตโทษ แต่น้ำหนักเบาเข้ามือนายด่านสวิส นาทีที่ 116 ดานี่ โอลโม่ วางลูกเตะมุมมาเสาแรกฝั่งซ้าย เซร์คิโอ บุสเกตส์ โฉบโหม่งบอลเข้าหาประตู แต่เป็นอีกหนที่ ยานน์ ซอมเมอร์ รับไว้เช่นเคย หมดเวลา 120 นาทียังคงเสมออยู่ ต้องตัดสินโดยการดวลจุดโทษ
เข้าช่วงจุดโทษฝั่งสเปนพลาดถึงสองคน เมื่อ เซร์คิโอ บุสเกตส์-โรดรี้ ส่วนด้าน สวิส ก็ยิงไม่เข้าสามคน คือ ฟาเบียน แชร์,มานูเอล อคานจี,รูเบน วาร์กัส แต่เป็น สเปน ชนะไปได้ 3-1 พบ อิตาลี รอบรองชนะเลิศต่อไป
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
สวิตเซอร์แลนด์ : ยานน์ ซอมเมอร์ (GK), นิโก้ เอลเวดี้, มานูเอล อคานจี, ริคคาร์โด้ โรดดิเกวซ, ซิลวาน วิดเมอร์ (เควิน เอ็มบาบู น.100), เดนิส ซากาเรีย (ฟาเบียน แชร์ น.101), เรโม่ ฟรอยเลอร์, สตีเว่น ซูเบอร์ (คริสเตียน ฟาสนัคท์ น.90+2), เซอร์ดาน ชากิรี่ (ฌิบริล โซว น.81), บรีส เอ็มโบโล่ (รูเบน วาร์กัส น.23), ฮาริส เซเฟโรวิช (มาริโอ กาฟราโนวิช น.82)
สเปน : อูไน ซิม่อน (GK), เซซ่าร์ อัลปิลิกวยต้า, อายเมริค ลาปอร์กต์, เปา ตอร์เรส (ติอาโก้ อัลคันตาร่า น.113), จอร์ดี้ อัลบา, โกเก้ (มาร์กอส ยอเรนเต้ น.90+1), เซร์คิโอ บุสเกตส์, เปดรี้ (โรดรี้ น.119), เฟร์ราน ตอร์เรส (มิเกล โอยาร์ซาบัล น.91), อัลบาโร่ โมราต้า (เคราร์ด โมเรโน่ น.54), ปาโบล ซาราเบีย (ดานี่ โอลโม่ น.46)