ดวลยันฎีกา เยอรมัน แม่นเป้าดับโทษ เดนมาร์ก ลิ่วตัดเชือกดัตช์ยูโร ยู-21

“อินทรีเหล็ก” คว้าตั๋วผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองฯได้สำเร็จหลังดวลจุดโทษปราบ เดนมาร์ก 6-5 (หลังเสมอในเวลา 1-1 ต่อเวลาพิเศษเสมอ 2-2) โดยจะเข้าไปเล่นในรอบตัดเชือกพบกับ ฮอลแลนด์ ในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ ในศึกฟุตบอล ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

การแข่งขันฟุตบอล ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี เดินทางมาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ หลังจบจากรอบแบ่งกลุ่มเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก่อนจะกลับมาแข่งอีกทีหลังปิดฤดูกาลของลีกแต่ละประเทศ ซึ่งในรอบ 8 ทีมสุดท้าย จะแข่งขันระหว่างวันที่ 31 พ.ค. – 6 มิ.ย. นี้ ที่ประเทศฮังการี และสโลวีเนีย โดยคู่ดึกเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการพบกันระหว่าง เดนมาร์ก แชมป์กลุ่ม ซี ชนะมาสามเกมรวดโดยไม่เสียประตูในรอบแบ่งกลุ่มเลย พบกับ เยอรมัน รองแชมป์กลุ่ม เอ ที่เข้ารอบมาแบบหวุดหวิดด้วยเฮดทูเฮดที่เหนือกว่าโรมาเนีย โดยผู้ชนะของคู่นี้จะเข้าไปพบกับ ฮอลแลนด์ ที่เฉือนเอาชนะฝรั่งเศสในรอบรองชนะเลิศ วันที่ 3 มิ.ย.นี้

เปิดฉากครึ่งแรกมาท้พ “อินทรีเหล็ก” เปิดเกมรุกเข้าใส่ก่อนเลย นาที 5 ดาวิด เราม์ ครอสมาให้ ลูคัส เอ็นเมชา อัดด้วยขวาหลุดกรอบออกไป ถัดมานาทีที่ 8 อาร์เน ไมเออร์ ปาดเข้ากลางมาให้ รีเดิ้ล บาคู ตะบันด้วยขวาเต็มแรงบอลพุ่งถากเสาออกไปแบบได้เสียว กลายเป็นทัพเยอรมันที่ปูพรมเปิดเกมรุกเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว นาทีที่ 17 ได้ลุ้นอีกครั้งหลัง รีเดิ้ล บาคู ฟูลแบ็กกระชากถึงเส้นหลังแล้วครอสมาถึงเสาไกลให้ อาร์เน ไมเออร์ วิ่งมาแปด้วยขวาแต่บอลยังพุ่งไปเข้ามือ โอลิเวอร์ คริสเตนเซ่น อีกสามนาทีถัดมา “อินทรีเหล็ก” ทิ้งโอกาสทองขึ้นนำหลัง ดาวิด เราม์ จ่ายขึ้นหน้าให้ ลูคัส เอ็นเมชา  แปจังหวะเดียวให้ เมอร์กิม เบริช่า หลุดเข้าไปยิงสวนตัว นายด่านทัพโคนมแต่บอลพุ่งถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย ผ่านไปครึ่งทางของครึ่งแรก เดนมาร์ก ยังไม่มีโอกาสยิงเลยสักครั้ง ต่างกับ เยอรมัน ที่ลองซัดไปถึง 7 หนแต่เข้ากรอบแค่ครั้งเดียว แต่นาที 23 โอกาสแรกของทัพโคนมก็เกือบได้ประตูขึ้นนำหลัง อันเดรียส โพลเซ่น หลุดขึ้นมาทางซ้ายก่อนปาดมากลางประตูให้ เยสเปอร์ ลินสตรอม วิ่งมาซัดด้วยซ้ายพุ่งเลียดผ่านมือ ดาห์เมน เฉียดเสาออกไปแบบได้เสียว โอกาสของทัพอินทรีเหล็กมีเยอะแต่ความเฉียบคมยังไม่ดีพอ นาทีที่ 33 อาร์เน่ ไมเออร์ ได้ลองอัดด้วยขวาแต่บอลก็สูงไป ถัดมา นาทีที่ 42 อันทอน สแตค รับบอลจาก โฟลเรียน เวียร์ทซ์ ก่อนซัดด้วยซ้ายนอกกรอบ บอลพุ่งเลียดถากเสาไกลไปนิดเดียว นาทีที่ 45 ทัพโคนมนานๆ ลุยมาทีได้ส่องเข้ากรอบบ้าง คราวนี้เป็น อันเดอร์ส เดรเยอร์ อัดด้วยขวาแต่บอลพุ่งไปเข้ามือ ฟินน์ ดาห์เมน จบครึ่งแรก ยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกัน 0-0

กลับมาต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 49 เดนมาร์ก หวิดได้ประตูขึ้นนำหลัง แมกนัส แอนเดอร์เซน แทงบอลทะลุแนวรับอินทรีเหล็กให้ ยาค็อบ บรูน ลาร์เซ่น หลุดเข้าไปซัดมุมแคบแต่ยังไปติดเซฟของ ฟินน์ ดาห์เมน จากนั้นนาทีที่ 66 อัลเบิร์ต คาเปลลาส จัดการส่ง “นิว ซลาตัน” วาฮิด ฟากฮีร์ แข้งวันเดอร์คิดของวงการบอลเดนมาร์กลงมาเล่นแทน ยาค็อบ บรูน ลาร์เซ่น และเพียงแค่สองนาทีถัดมา วาฮิด ฟากฮีร์ แผลงฤทธิ์จนได้หลังรับบอลจาก คาร์โล โฮลส์ ตัวสำรองที่ลงมาในครึ่งหลังเช่นกัน พลิกหลบแนวรับอินเหล็กถึงสองคนก่อนซัดด้วยซ้ายพุ่งแสกหน้า ฟินน์ ดาห์เมน ส่งบอลเข้าก้นตาข่ายให้ เดนมาร์ก ขึ้นนำไปก่อน 1-0 ทัพอินทรีเหล็กไม่ยอมแพ้ นาทีที่ 88 หลังไล่บี้กดดันอย่างหนักมาทวงประตูตีเสมอ 1-1 สำเร็จจากจังหวะลูกเตะมุมมาให้ ลาร์ส ลูคัส ไม ขึ้นเช็ดไปเสาไกลให้ ลูคัส เอ็นเมชา ที่ยืนอยู่โล่งๆ ตามซ้ำซัดบอลผ่านมือ โอลิเวอร์ คริสเตนเซ่น เข้าไป ช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 90+2 ทีมโคนมเกือบแซงขึ้นนำอีกครั้งหลัง คาร์โล โฮลส์ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบแต่ยังโดน ฟินน์ ดาห์เมน ปัดบอลออกไป จบเกม เดนมาร์ก เสมอกับ เยอรมัน ในเวลาปกติ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาทีเพื่อหาผู้ชนะผ่านเข้าไปพบกับ ฮอลแลนด์ ในรอบตัดเชือก

เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 93 เยอรมัน เกือบได้ลุ้นขึ้นนำหลัง คาริม อเดเยมี่ พาบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปแต่ยิงไม่ดีซัดไปติดขา โอลิเวอร์ คริสเตนเซ่น เซฟออกมาได้ กระทั่ง นาทีที่ 101 “อินทรีเหล็ก” มาแซงขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะที่แนวรับโคนมเคลียร์บอลไม่ขาดมาเข้าทาง ดาวิด เราม์ ครอสบอลไปเสาสองให้ โยนาธาน เบอร์การ์ดท์ พักอกลงก่อนวิ่งไปซัดด้วยซ้ายบอลแฉลบก่อนหนีมือ คริสเตนเซ่น เข้าไป แต่แล้ว นาทีที่ 107 เยอรมันต้องมาเสียลูกที่จุดโทษหลัง ลาร์ส ลูคัส ไม ตัวสำรองไปเข้าสกัดฟาวล์ใส่ กุสตาฟ อิซักเซ่น ตัวสำรองของแข้งโคนมล้มลงไปผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษทันทีก่อนที่ วิคเตอร์ เนลส์สัน เซ็นเตอร์แบ็กกัปตันทีมจะรับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าไปกลางประตู ชนิดที่ ฟินน์ ดาห์เมน นายด่านอินทรีเหล็กพุ่งผิดทางให้ เดนมาร์ก ไล่ตีเสมอ เยอรมัน 2-2 นาทีที่ 118 โยนาธาน เบอร์การ์ดท์ เกือบพังประตูที่สองในเกมให้ตัวเองหลังตะลุยเข้าไปในกรอบแล้วซัลโวด้วยซ้ายแต่บอลพุ่งไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม เสมอกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-2 ต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลกันที่จุดโทษ ซึ่งผลปรากฎว่า เยอรมัน ยิงได้แม่นยำกว่าดวลจุดโทษเอาชนะ เดนมาร์ก 6-5 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ โดยจะเข้าไปพบกับ ฮอลแลนด์ ที่เขี่ยฝรั่งเศส ในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เดนมาร์ก โอลิเวอร์ คริสเตนเซ่น (GK), ราสมุส คาร์สเทนเซ่น, วิคเตอร์ เนลส์สัน, เฟรเดอริก อัลเวส, อันเดรียส โพลเซ่น, แมกนัส แอนเดอร์เซน, นิโกลาส นาร์ตีย์, เยสเปอร์ ลินสตรอม, อันเดอร์ส เดรเยอร์, ยาค็อบ บรูน ลาร์เซ่น, โมฮาเหม็ด ดารามี่

เยอรมันฟินน์ ดาห์เมน (GK), โยชา วักโนมันน์, อามอส พีเพอร์, นิโก้ ฮล็อตเทอร์เบค, ดาวิด เราม์, อาร์เน ไมเออร์, อันทอน สแตค, รีเดิ้ล บาคู, โฟลเรียน เวียร์ทซ์, เมอร์กิม เบริช่า, ลูคัส เอ็นเมชา