แค่หลอกให้เสียว รวมคอลเลกชั่น “ดีลล่ม” ประจำซัมเมอร์ 2020
- เจาะ “ดีลล่ม” ในช่วงซัมเมอร์ 2020 ที่น่าสนใจ
- ผลกระทบของโควิด-19 ที่เล่นงานตลาดซื้อขายอย่างหนัก จนไร้บิ๊กดีลให้แฟนบอลได้ลุ้น
- แม้จะไม่สามารถปิดดีลกันสำเร็จในช่วงซัมเมอร์ แต่ในช่วงปีใหม่อาจจะมีดีลสุดฮือฮาให้ได้เห็นกัน (ก็เป็นได้)
ช้อยเก็บฉากกันไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับตลาดซื้อขายของทวีปยุโรป ที่ถึงแม้จะโดนความปั่นป่วน วุ่นวาย และวอดวายของโควิด-19 เล่นงาน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้ตลาดซื้อขายซบเซาลงไปอย่างน่าตกใจ อย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวลกันก่อนหน้านี้
ซึ่งหลังจากได้ข้อสรุปกันไป หลังปิดตลาดซื้อขายในช่วงซัมเมอร์ วันนี้ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐสปอร์ต จะพาไปเจาะ 6 ดีลล่มประจำปี 2020 ที่แม้จะมีข่าวเชื่อมโยงกันระหว่างนักเตะและสโมสรหนักหน่วงแค่ไหน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นแค่ “ข่าวลือ” ให้แฟนบอลได้ตื่นเต้นกันไปวันๆ เท่านั้น
จาดอน ซานโช
เรียกได้ว่าแทบจะเป็นมหากาพย์ประจำซัมเมอร์นี้เลยก็ได้ว่า สำหรับการเทียวไล้เทียวขื่อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีต่อปีกอนาคตไกลของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รายนี้ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกันมานานแล้ว ตั้งแต่ตลาดซื้อขายเมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง
สถานการณ์ด้านความต้องการ ไม่มีอะไรปิดบังว่า โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ อยากได้ ซานโช มาร่วมทีมมากแค่ไหน ขณะที่ปีกวัย 20 ปีชาวอังกฤษรายนี้ ก็อยากย้ายมาสวมยูนิฟอร์มของปิศาจแดงด้วยเช่นกัน แต่ติดปัญหานิดเดียวตรงที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตั้งค่าฉีกสัญญาไว้เกินความจะเกิดขึ้นได้จริงในชั่วโมงนี้
แม้ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนปิดตลาด จะมีข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมทุ่มให้สุดตัวแล้วที่ 91 ล้านปอนด์บวกออปชันเสริมเพื่อล่อใจ แต่คำตอบที่ได้จากฝั่งเยอรมนียังเหมือนเดิม กระทั่งวันสุดท้ายของการซื้อขาย แฟนบอลแมนยูฯ ก็ได้รู้แล้วว่า “ปาฏิหาริย์” ไม่มีจริง
เมซุต โอซิล
ไม่น่าเชื่อว่านักเตะคนที่เพรียบพร้อมไปด้วยศักดินา ความสำเร็จ ฝีเท้าที่เจ๋งเกินหลายคนในทีม จะกลายเป็นส่วนเกินของอาร์เซนอลไปได้ ทั้งที่ปัจจุบันยังรับค่าเหนื่อยสูงที่สุดในทีมก็ตาม
สำหรับ เมซุต โอซิล รู้ดีว่าอนาคตของตัวเองกับ อาร์เซนอล จะจบไปนานแล้ว แต่กลับยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับชีวิตในอนาคตได้ แม้สถานะจากฝั่งต้นสังกัดจะค่อนข้างชัดเจน ปล่อยให้มีอิสระในการเลือกย้ายทีมได้ตามสะดวก ไม่ต้องลงเล่นให้กับทีมในช่วงท้ายซีซั่น 2019-20 แถมในสโตร์ของสโมสรก็ยังไม่มีชื่อและเบอร์ 10 ของโอซิล ให้แฟนๆ ได้เลือกสกรีนลงไปบนเสื้ออีกด้วย
และแม้จะตกเป็นข่าวกับทั้ง เฟร์เนบาห์เช ของตุรกี และอีกหลายทีมดังจากฝั่งอาหรับทั้ง กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และยูเออี แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ออกมาจาก โอซิล และเอเย่นต์ ว่าจะเอายังไงดีกับชีวิตการค้าแข้งที่เหลือต่อจากนี้
เมมฟิส เดปาย
จากเด็กหนุ่มที่ดูจะแอคอาร์ตเกินวัย ความมั่นใจเกินตัว จนโดนเตะโด่งออกจากถิ่นโอลด์ แทรฟเฟิร์ด กระทั่งลีก เอิง ของฝรั่งเศสคือที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กลับมาจากแววเด่นบนสนาม และกลายเป็นที่จับจ้องไปทั่วทวีปยุโรปอีกครั้ง
จากนั้นชื่อของ “เมมฟิส เดปาย” ก็ถูกพูดถึงบนหน้าสื่ออีกครั้ง ในประเด็นของการย้ายทีม ซึ่งแม้จะเคยมีข่าวว่า ลิเวอร์พูล และ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ อยากได้ตัวกลับมาสร้างสีสันในอังกฤษอีกครั้งก็ตาม แต่ก็ดูจะไม่เข้าเค้าเท่าไรนัก
กระทั่งในช่วงปลายซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากบาร์เซโลนาแต่งตั้ง โรนัลด์ คูมัน เข้ามาทำหน้าที่กุนซือคนใหม่ ชื่อของ เดปาย ก็ถูกเชื่อมโยงกับทีมดังแห่งแคว้นกาตาลุญญาอย่างหนาหู และมีความเป็นไปได้มากที่สุด จนสื่อดังและน่าเชื่อถือบางสำนักในฝรั่งเศสออกมาเผยว่า ดีลการย้ายทีมเรียบร้อยแล้ว โดยมีมูลค่าอยู่ที่ราว 30 ยูโร และเหลือเพียงแค่การตรวจร่างกายเท่านั้น
แต่ดูเหมือนว่าพระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงโปรดให้ เมมฟิส เดปาย ย้ายมาอยู่กับบาร์ซามากนัก เมื่อดีลล่มอย่างไม่เป็นท่า และ ฌอง มิเชล โอลาส บิ๊กบอสลียงเองนั่นแหละที่เป็นคนออกมาดับกระแสทั้งหมด
โดย โอลาส ยืนยันคำกล่าวของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสรบาร์เซโลนาว่า ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่โดนโควิด-19 เล่นงานแบบนี้ ทำให้การย้ายทีมไม่มีทางเกิดขึ้นจริงในช่วงซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน
ลิโอเนล เมสซี
กลายเป็นข่าวที่ช็อกวงการลูกหนังมากที่สุดในยุคโควิดครองเมือง เมื่อ ลิโอเนล เมสซี ออกมาประกาศว่าต้องการฉีกสัญญาที่เหลือเพียงแค่ 1 ปี เพื่อย้ายออกจากถิ่นคัมป์ นู โดยด่วน เพราะเริ่มหมดใจกับสภาพทีม และการบริหารงานของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว แล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ชื่อของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ถูกยกขึ้นมาเป็นตัวเต็งที่จะได้ตัว เมสซี ไปครอง เพราะมีคนคุ้นเคยอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา และ เซร์คิโอ อเกวโร รออ้าแขนต้อนรับไปร่วมทีมทุกเมื่อ
กระนั้นก็ดี ถึงแม้คุณพ่อ ฮอร์เก เมสซี ในฐานะเอเย่นต์ จะพยายามเดินเกมอย่างหนักเพื่อให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน สลัดยูนิฟอร์มบาร์ซาให้ได้ตามความต้องการ แต่ก็เจอลูกตื๊อของทั้ง บาร์โตเมว และผู้บริหารระดับสูงของลาลีกา ที่ไม่ต้องการเสีย เมสซี ออกไปจากลีกแดนกระทิงดุ ทำให้มีการดึงเช็งกันอย่างสุดชีวิต
จนในที่สุดกลายเป็น เมสซี ที่ยอมถอยเอง เพราะถึงแม้จะรู้ดีว่าหากดึงดันจะย้ายทีมจริง อาจจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย อีกทั้งสายสัมพันธ์ของเจ้าตัวกับบาร์ซาที่แนบแน่นเกินกว่าจะให้เรื่องนี้มาทำลายความสัมพันธ์ทั้งหมดลง
ดังนั้น เมสซี จึงตัดสินใจที่จะอยู่กับทีมต่อไปในซีซั่น 2020-21 และน่าจะย้ายออกแบบฟรีๆ หลังหมดสัญญาในซัมเมอร์ถัดไป
เนย์มาร์
ถือว่าเป็นหนึ่งในมหากาพย์ที่ยืดเยื้อและยาวนานจนหลายคนเริ่มเอือมระอาไปซะแล้ว สำหรับข่าวลือเรื่องการย้ายกลับมาค้าแข้งในสเปนอีกครั้ง ของพ่อยอดขมองอิ่มชาวบราซิเลียน ซึ่งมีสถิติค่าตัวแพงที่สุดของโลก ค้ำคออยู่ในขณะนี้
เรื่องราวการย้ายจากเปแอสเช กลับมาอยู่กับบาร์เซโลนา ถูกกระพือขึ้นแบบหนักหน่วงสุดๆ คือในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา กระทั่ง เนย์มาร์ โดนแฟนบอลชาวฝรั่งเศสตั้งแง่ พร้อมกับโห่ไล่ ชูป้ายประท้วงให้รีบย้ายออกซะเร็วๆ จะได้หมดสิ้นปัญหา
จากนั้นเมื่อมองดูแล้วว่าการย้ายทีมจะหมดโอกาสลงไปเรื่อยๆ ทำให้ เนย์มาร์ ตัดสินใจกลับมาโฟกัสผลงาน และทุ่มเทในสนามกับเปแอสเชอย่างเต็มที่อีกครั้ง ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงเห็น โธมัส ทูเคิล และลูกทีม ทะลุเข้าสู่รอบชิงดำยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ซีซั่น 2019-20 ที่ผ่านมา
กระทั่งโควิด-19 เข้ามาเยือนโลกมนุษย์ ทำให้โอกาสที่ เนย์มาร์ จะย้ายกลับสู่แผ่นดินสเปนต้องหยุดลงทันที เพราะผลกระทบที่สโมสรฟุตบอลทั่วโลกโดนอยู่ในตอนนี้ มันร้ายแรงแบบสุดๆ และบาร์ซาเองก็ไม่มีปัญญาที่จะทุ่มเงินก้อนโตเพื่อดึงแข้งวัย 28 ปีรายนี้กลับคืนสู่ถิ่นคัมป์ นู ในช่วง 1-2 ปีต่อจากนี้อย่างแน่นอน
เลาตาโร มาร์ติเนซ
ตลอดซีซั่น 2019-20 ที่ผ่านมา ชื่อของ “เลาตาโร มาร์ติเนซ” คือหนึ่งในดาวยิงชื่อดังที่ตกเป็นข่าวการย้ายทีมอย่างต่อเนื่อง หลังบาร์เซโลนาของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว อยากได้ไปสานต่องานของ หลุยส์ ซัวเรซ ในแผงแนวรุก
ด้านกองหน้าวัย 23 ปีจากแดนฟ้าขาวรายนี้ก็ดูจะมีทีท่า และดูมีใจไม่น้อย เพราะนักเตะจากอเมริกาใต้คนไหนบ้างล่ะ ที่กล้าปฏิเสธการย้ายไปสวมยูนิฟอร์มของบาร์ซา แถมยังได้เล่นกับรุ่นพี่ร่วมชาติอย่าง ลิโอเนล เมสซี ด้วย ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว
ในตอนแรกสื่อของสเปนต่างมองว่า ดีลนี้น่าจะมีมูลค่าทะลุ 90-100 ล้านยูโรเป็นอย่างน้อย และคงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับทีมอย่าง บาร์เซโลนา ที่จะทำให้มันเกิดขึ้นจริง เพราะแค่มีเงินก้นถุงสัก 60 ล้านยูโร บวกการขายนักเตะระดมทุนอีกสัก 2-3 คน ก็น่าจะปิดดีลได้แบบไร้ปัญหา
แต่เมื่อโควิดมาเยือนโลกมนุษย์ ทุกอย่างที่ฝันไว้ต้องพับแผนในทันที แถมล่าสุดมีการแถลงการณ์ออกมาว่า บาร์ซาขาดทุนสุทธิเมื่อซีซั่นที่แล้วราว 90 ล้านยูโร ยิ่งทำให้การย้ายทีมของ เลาตาโร มาร์ติเนซ ต้องกลายเป็นหมันในทันที.
เรื่อง : สุภาพบุรุษพุงตึง
กราฟิก : Sathit Chuephanngam
Credit : https://www.thairath.co.th/