ชำแหละ 4 ประเด็นร้อน “แมนยูฯ” บุกสอย “ไบรจ์ตัน”

“ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะ ไบรจ์ตัน ไปแบบสุดระทึก 3-2 และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญที่ได้เห็นจากเกมนี้

1.รูปเกม

เกมนี้ ไบรจ์ตัน ได้จุดโทษในนาทีที่ 40 จากจังหวะที่ เอริค แลมพ์ตีย์ โดน บรูโน เฟอร์นันเดส ชนล้มในเขตโทษ และเป็น เนอัล มัวเปย์ ยิงเข้าไปให้เจ้าถิ่นขึ้นนำ 1-0 จากนั้นนาทีที่ 43 แมนยูฯ ตีเสมอเป็น 1-1 จากการสกัดเข้าประตูตัวเองของ ลูอิส ดังค์ และในนาทีที่ 55 แมนยูฯ ขึ้นนำ 2-1 จากการกระชากไปยิงของ มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่ทว่านาทีที่ 90+5 ไบรจ์ตัน มาตีเสมอ 2-2 จากลูกโหม่งของ ซอลลี มาร์ช ซึ่งเกมทำท่าจะจบด้วยสกอร์นี้ แต่ในนาทีที่ 90+11 แมนยูฯ มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่วีเออาร์เช็กว่า มัวเปย์ ทำแฮนด์บอล และเป็น บรูโน เฟอร์นันเดส รับหน้าที่สังหารเข้าไปให้ ปิศาจแดง บุกมาเอาชนะ ไบรจ์ตัน แบบสุดระทึก 3-2

2.ปิศาจแดงเกมรับมีปัญหา

นัดนี้เกมรับยูไนเต็ดโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนัก ไล่มาตั้งแต่แดนกลางเลย พอล ป็อกบา กับ เนมันยา มาติช ช่วยสกรีนก่อนถึงแนวรับได้ไม่ดีพอ ทำให้คู่แข่งเข้ามาถึงกองหลังได้ง่ายมากๆ ส่วน อารอน วาน บิสซากา แบ็กขวาที่ทำได้ดีเรื่องเกมรับ แต่เกมนี้กลับยืนตำแหน่งได้ไม่ดีเลย มักจะหุบตัวเองเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษซะอย่างนั้น ทำให้เกมรุกฝั่งซ้ายของไบรจ์ตันเล่นงานใส่ผีแดงได้บ่อยครั้ง ขณะที่ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ กับ แฮร์รี แม็คไกวร์ ก็ยังมีปัญหาเดิมๆ คือเวลาคู่แข่งเลี้ยงเข้ามา ก็จะชอบถอยๆๆๆ ไม่ยอมเข้าบอล ปล่อยคู่แข่งมีโอกาสได้ยิงง่ายเกินไป

3.แรชฟอร์ด-บรูโน ฟอร์มฮอต

เกมนี้ มาร์คัส แรชฟอร์ด โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้ความเร็วและเทคนิคจัดการกับแนวรับไบรจ์ตันได้ดีมากๆ โดยเฉพาะจังหวะยิงขึ้นนำ 2-1 ที่เขากระชากเข้าไปล็อกหลบ เบน ไวท์ กองหลังของไบรจ์ตันจนล้มแล้วล้มอีก ก่อนจะจบสกอร์เข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่ บรูโน ฟอร์นันเดส แม้จะทำให้ทีมต้องเสียจุดโทษจนโดนขึ้นนำ 1-0 แต่ฟอร์มโดยรวมยังรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองเอาไว้ได้ มีส่วนร่วมกับเกมอยู่ตลอด ก่อนจะรับหน้าที่สังหารจุดโทษในช่วงเวลาอันสำคัญ เป็นประตูชัยให้ทีมในเกมนี้

4.ซอลลี มาร์ช กับ เลอันโดร ทรอดซาร์ด โดดเด่น

ถือเป็น 2 ผู้เล่นของไบรจ์ตันที่โดดเด่นที่สุดในเกมนี้ โดย ทรอสซาร์ด ยิงชนเสา-คาน ไปคนเดียว 3 ครั้ง และมีจังหวะได้ยิงจ่อๆ แต่ติดเซฟของ เดเคอา ส่วน มาร์ช ก็ยิงชนเสา วอลเลย์เฉี่ยวไปมา แต่สุดท้ายก็มีชื่อทำประตูจนได้ ซึ่งเป็นจังหวะที่ได้โหม่งแบบโล่งๆ อย่างเหลือเชื่อทางเสาสอง ไม่มีผู้เล่นยูไนเต็ดอยู่ใกล้เลยแม้แต่คนเดียว.

Credit : https://www.thairath.co.th/