แข้งไทยเอาไงดี ส่องทัศนะ “โค้ชจุ่น” กับโอกาสนักเตะไทยในเจลีก
- “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด มือขวากุนซือทีมชาติไทยชี้ แสดงทัศนะถึงนักเตะช้างศึกทั้ง 4 คนในเจลีก
- “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ยังมีลุ้นแค่ไหน กับโอกาสแจ้งเกิดบนเวทีลีกสูงสุดของแดนปลาดิบ
- ผู้ช่วยเฮดโค้ชทีมชาติไทย กระตุ้นนักเตะหน้าใหม่เร่งเค้นฟอร์มเก่งให้เข้าตา “อากิระ นิชิโนะ” มากที่สุด ระหว่างการเข้าแคมป์ในช่วงเดือนตุลาคมนี้
ก่อนที่การแข่งขันฟุตบอลเจลีก 1 ของญี่ปุ่น จะเปิดฉากในซีซั่น 2020 แฟนบอลไทยต่างดีใจกันไม่น้อย ที่ได้เห็นนักเตะจากแดนสยาม ถูกซื้อตัวไปค้าแข้งในลีกสูงสุดของแดนปลาดิบมากถึง 4 คน
และทั้งหมดถูกการันตีด้วยยี่ห้อ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ซึ่งน่าจะเป็นการรับรองฝีเท้าแล้วว่า ไม่เป็นสองรองใครในประเทศแน่นอน
แต่แล้วดูเหมือนว่า เส้นทางของผู้เล่นบางรายอาจไม่ได้สวยหรูอย่างที่แฟนบอลคิด เมื่อต้องตกเป็นตัวสำรอง โดนจำกัดโอกาสลงสนาม จนส่งผลโดยตรงต่อความมั่นใจ และอาจจะส่งผลโดยตรงกับฟอร์มการเล่นในนามทีมชาติด้วย
ซึ่งวันนี้ ไทยรัฐสปอร์ต ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด หนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย ที่จะมาแสดงทัศนะถึงผู้เล่นตัวหลักของทัพช้างศึกทั้ง 4 ราย ที่กำลังโลดแล่นบนศึกฟุตบอลเจลีก ว่าควรเอาไงต่อไปดีหลังจากนี้
เริ่มต้นประเด็นแรก “โค้ชจุ่น” มองว่า สาเหตุที่ฟอร์มของนักเตะไทยดร็อปลงไปจากเดิมในซีซั่นที่แล้ว อาจจะเป็นเพราะสาเหตุจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องของสภาพร่างกาย แท็กติก และความต้องการของโค้ช
“นักเตะไทยในปีนี้ได้รับโอกาสน้อย มีเพียงแค่ อุ้ม (ธีราทร) คนเดียวดูดีกว่าเพื่อน ส่วน เจ (ชนาธิป) โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อย ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นแท็กติกของโค้ชด้วย เพราะว่าด้วยเรื่องโปรแกรมที่ค่อนข้างถี่ ทำให้อาจมีผลกับสภาพร่างกาย”
“อีกอย่างอาจจะเป็นเพราะองค์ประกอบของสโมสรด้วย อย่าง ซัปโปโร มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นหลายคน ส่วน มุ้ย (ธีรศิลป์) ที่ต้องเปลี่ยนทีมในซีซั่นนี้ อาจมีแท็กติกหลายอย่าง ที่ไม่เหมาะสมกับตัวเขา ทำให้ส่งผลกับการปรับตัว ทั้งกับสโมสรและเพื่อนร่วมทีม ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้เวลาอีกสักนิดหนึ่ง”
ส่วนประเด็นดราม่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเฮดโค้ชของคอนซาโดเล ซัปโปโร ตัดสินใจส่ง โคจิโระ นากาโนะ วัย 21 ปี ซึ่งมือ 4 ของทีมลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมพ่าย วิสเซล โกเบ 0-4 แทนที่จะส่ง “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ในฐานะมือ 2 ของทีม จนแฟนบอลต่างพากันคิดไปไกลว่า นี่คือการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ถึงจอมหนึบชาวไทยหรือไม่
ซึ่งในประเด็นนี้ “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ มองว่า “เรื่องอาจจะเป็นแค่ความต้องการของโค้ชมากกว่า ที่มองว่าเจลีกปีนี้ไม่มีการตกชั้น ทำให้อาจจะอยากทดลองผู้เล่นหลาย ๆ คน ที่จะใช้งานในอนาคตระยะยาว ส่วน ตอง อาจจะเลือกไปใช้งานเฉพาะในเกมบอลถ้วย ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ได้มากกว่า”
“อย่าลืมว่า สิ่งหนึ่งในโค้ชในญี่ปุ่นต้องการคือ ผู้รักษาประตูที่เล่นบอลด้วยเท้าได้ดี ซึ่งเมื่อเทียบฟอร์มแล้ว ตอง ไม่ได้ขี้เหร่หรือด้อยกว่า นากาโนะ เลย แต่โค้ชน่าจะอยากลองอะไรใหม่ๆ มากกว่า”
และเมื่อนักเตะตัวหลักทีมชาติไทย ถูกจำกัดโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงแบบนี้ แน่นอนว่าหลายคนอาจอยากทราบความรู้สึกของ “อากิระ นิชิโนะ” ในฐานะกุนซือทีมชาติไทยว่า รู้สึกอย่างไรกับประเด็นนี้
ซึ่งมือขวากุนซือทีมชาติไทยเผยว่า แม้จะเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับ นิชิโนะ แต่ในอีกแง่ก็น่าจะเป็นเรื่องดีของนักเตะหน้าใหม่ ที่จะถูกเรียกเข้าแคมป์ในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ ที่จะได้มีโอกาสโชว์ฝีเท้าให้เข้าตากุนซือใหญ่ทัพช้างศึก
“อย่างที่ทราบกันดีว่าในปีนี้ ทีมชาติไทยไม่มีโปรแกรมลงแข่งขัน ทำให้ทีมสตาฟฟ์โค้ชไม่ได้โฟกัสที่ผู้เล่นทั้ง 4 คนในเจลีกมากนัก เพราะยังไงก็ไม่ได้เรียกตัวกลับมาอยู่แล้ว”
“แต่โค้ชนิชิโนะก็เกริ่นๆ ให้ฟังว่าน่าเสียดายนะ นักเตะไทยน่าจะได้รับโอกาสลงสนามมากกว่านี้ เพราะว่าเวลาที่กลับมาลงเล่นให้ทีมชาติ อาจจะส่งผลกระทบในเรื่องของฟิตเนสด้วย ถ้าโดนจับนั่งสำรองบ่อยๆ สภาพร่างกายก็จะถดถอยลงไปเรื่อยๆ”
“เมื่อพูดถึงในเรื่องของโครงสร้าง 11 คนแรก ถ้าตัวหลักทำผลงานในสโมสรไม่ดี ก็ต้องส่งผลกระทบกับฟอร์มโดยรวมของทีมแน่ๆ แต่ยังโชคดีที่เรายังมีเวลาให้เตรียมทีม และได้ลองผู้เล่นใหม่ ถ้าเกิดผู้เล่นใหม่ปรับตัวได้เร็ว เข้ากับระบบได้ดี ก็จะส่งผลดีกับทีมชาติ มีตัวแทนในอนาคตเกิดขึ้น”
“แต่ถ้าตอนนี้ บรรดาตัวหลักของเราไม่ค่อยได้เล่น มันก็จะส่งผลต่อโครงสร้างของทีมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่สตาฟฟ์โค้ชจะทำตอนนี้คือ พยายามหาผู้เล่นที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันเข้ามาเสริม ดังนั้นผู้เล่นใหม่ ที่จะถูกเรียกตัวเข้ามาในเดือนตุลาคม ต้องพยายามเค้นฟอร์ม เพื่อให้ใกล้เคียงกับตัวหลักทีมชาติให้ได้ด้วย”
สุดท้าย เมื่อถามถึงทัศนะส่วนตัวว่า นักเตะไทยบางรายที่ไม่ค่อยได้ลงสนามในลีกเจลีก ควรเอายังไงดี กับอนาคตของตัวเองหลังจบฤดูกาลนี้
ซึ่ง “โค้ชจุ่น” ยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า เห็นด้วยที่นักเตะไทย ควรย้ายกลับมาในลีกบ้านเกิด เพื่อแสวงหาโอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอ และเพื่อโอกาสในการเค้นฟอร์มเก่งกลับมา ให้ได้โดยเร็วที่สุด
“ผมเห็นด้วยในเรื่องนี้นะ เพราะถ้าคุณไม่มีเกมให้ลงสนาม ก็ควรหาทีมที่จะมีโอกาสมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้คุณภาพฝีเท้าและสภาพร่างกายกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง”
เรื่อง : สุภาพบุรุษพุงตึง
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun
Credit : https://www.thairath.co.th/