ซูเปอร์ซับทีเด็ด อิตาลีหืดจับต่อเวลาเบียด ออสเตรียลิ่ว 8 ทีมสุดท้าย ศึกยูโร
“อัซซูร์รี่” ของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ เหนื่อยไม่น้อยแถมเสียประตูแรกในรอบ 12 นัดหลังต่อเวลาพิเศษเชือด ออสเตรีย 2-1 ในศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย คืนวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2564 ที่สนาม เวมบลีย์ สเตเดี้ยม เมือง ลอนดอน ประเทศ อังกฤษ เป็นการพบกันระหว่าง อิตาลี แชมป์กลุ่ม เอ ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรง ดวล ออสเตรีย รองแชมป์กลุ่ม ซี
เปิดฉากเกมครึ่งแรก 2 นาทีเป็น ออสเตรีย ทำได้ดีกว่าหวิดได้ประตูจากการประสานงานสุดสวย มาร์เซล ซาบิตเซอร์ สอดมาไขว้ในกรอบ 6 หลาเสียดายไม่โดนบอลก่อนจังหวะต่อเนื่อง มาร์โก อาร์เนาโตวิช เข้าอันตรายใส่ นิโคโล่ บาเรลล่า รับใบเหลืองไปอย่างรวดเร็ว 10 นาทีผ่าน ลูกทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ เน้นขึ้นเกมรุกทางฝั่งซ้าย ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ ได้จังหวะลากตัดเข้าในก่อนปั่นด้วยขวาโค้งหนีบล็อค แนวรับ ออสเตรีย แต่ก็ยังไปตรงตัว ดาเนี่ยล บัคมันน์ รับเอาไว้ได้ไม่พลาด นาทีที่ 11 อิตาลี ทักทายบ้างจากความผิดพลาดของผู้เล่น ออสเตรีย เสียบอลหน้าเขตโทษโดน มาร์โก แวร์รัตติ ทิ่มเร็วออกซ้ายถึง เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า สอดมาสับขาหลอกได้ช่องอัดด้วยซ้ายปลิ้นหลังเท้าออกหลัง ต่อมานาทีที่ 17 “อัซซูร์รี่” พลาดโอกาสทองจากบอลทางซ้ายของ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า สอดขึ้นมาตบย้อนเข้าในไหลมาเข้าทาง นิโคโล่ บาเรลล่า เฉือนไซค์ก้อยหน้ากรอบ 6 หลาติดเท้า ดาเนี่ยล บัคมันน์ เซฟเอาไว้ได้เหลือเชื่อ นาทีต่อมา ออสเตรีย ตอบโต้ทันควันจากบอลยาวของ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ยกขึ้นมาให้ มาร์โก อาร์เนาโตวิช ใช้ความแข็งแกร่งเบียดชนะแนวรับ อิตาลี ทั้งแผงแต่จังหวะยิงโดนไม่ดีเหินข้ามคานออกไปไกล แฟนบอล อิตาลี หวิดได้เฮนาทีที่ 32 ชิโร่ อิมโมบิเล่ ถอยลงมารับบอลจาก นิโคโล่ บาเรลล่า ก่อนหันมาตั้งป้อมตะบันด้วยขวาระยะราว 30 หลาโค้งหนี ดาเนี่ยล บัคมันน์ พุ่งไปชนเสาเหลี่มนอกเด้งออกหลัง นาทีที่ 43 “อัซซูร์รี่” พยายามเร่งเครื่องจากความสามารถเฉพาะตัวของ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า สอดมารับบอลพลิกแหวกเข้าในก่อนหักข้อด้วยขวากระดอนพื้นพุ่งหาโคนเสาแรกแต่ยังไม่ผ่านมือ ดาเนี่ยล บัคมันน์ ผวปัดทิ้งหวุดหวิด จากจังหวะต่อเนื่องลูกเตะมุมทางซ้าย ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ ปั่นเข้าเขตโทษโค้งมาเสาแรกตกใส่หัว โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ขึ้นเอาชนะตัวประกบโขกเปลี่ยนทางบอลตกพื้นผ่านหน้าประตูหลุดออกหลัง หมดครึ่งเวลาแรก อิตาลี ยังเสมอ ออสเตรีย 0-0
กลับมาต่อเกมครึ่งหลัง อิตาลี ลุยทันทีพยายามตั้งเกมบุกแต่ยังเจาะแนวรับ ออสเตรีย ไม่ได้ต้องเปลี่ยมาเข้าทำจากลูกยิงไกล ชิโร่ อิมโมบิเล่ ถอยมาหวดหน้ากรอบ 18 หลาก็ยังติดบล็อคเหมือนเดิม นาทีที่ 48 ออสเตรีย ได้เสียวบ้างจากความผิดพลาดของ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ จับบอลลั่นโดน มาร์โก อาร์เนาโตวิช ฉกลากแหวกเข้าเขตโทษดึงจังหวะได้ช่องซัดด้วยขวาแต่โดนผิดเหลี่ยมปลิ้นผ่านหน้าประตูออกไป 3 นาทีต่อมาจากจังหวะชุลมุนหน้าประตู โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ไปเปิดปุ่มเข้าฟาวล์ใส่ คริสโตฟ เบาม์การ์ทเนอร์ เสียฟรีคิกหน้าเส้น 18 หลา ดาวิด อลาบา รับหน้าที่ปั่นด้วยซ้ายเฉี่ยวคานหลุดออกหลังนิดเดียว ถัดมานาทีที่ 63 คราวนี้เป็น ออสเตรีย เร่งเครื่องบ้าง มาร์เซล ซาบิตเซอร์ รับบอลจากทางขวาก่อนตั้งป้อมซัดหน้าเขตโทษแฉลบขา เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ เปลี่ยนทางหลุดเสาแรกได้เสียวจากจังหวะต่อเนื่องลูกเตะมุมทางซ้าย มาร์โก อาร์เนาโตวิช เก็บบอลทางขวาทิ้งตัวยิงยัดเสาแรกตรงตัว จานลุยจิ ดอนนารุมม่า แต่แล้วนาทีที่ 65 ออสเตรีย เกือบได้เฮจากบอลยาวทางขวาตักเข้าเขตโทษลึกไปเสาไกลถึง ดาวิด อลาบา ขึ้นดีกว่า โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ โขกตั้งย้อนคืนให้ มาร์โก อาร์เนาโตวิช สอดมาโขกผ่านมือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า เช็ดใต้คานเด้งตุงตาข่าย โดยจังหวะนี้ แอนโธนี่ เทย์เลอร์ รอฟังสัญณานจากห้อง วีเออาร์ ก่อนหันมาเป่าริบสกอร์คืนเนื่องจาก มาร์โก อาร์เนาโตวิช ยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าไปก่อนแล้ว 70 นาทีผ่าน “อัซซูร์รี่” มีปัญหาในการจบสกอร์ชัดเจนจากการประสานงานของตัวสำรอง มานูเอล โลคาเตลลี่ ได้ช่องปั่นด้วยขวาก่อนเป็น ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ ได้ลองซัดในกรอบ 6 หลาสุดท้ายตกม้าตายยิงออกไปหมด นาทีที่ 75 จากฟรีคิกกลางสนามของ ดาวิด อลาบา ยกเข้าเขตโทษตกใส่หัว คริสโตฟ เบาม์การ์ทเนอร์ โขกชงมาเสาไกลเกือบถึง สเตฟาน ไลเนอร์ โดนศอกอัดร่วงลงไป แอนโธนี่ เทย์เลอร์ รอเช็คจุดโทษจาก วีเออาร์ สุดท้ายกลายเป็น สเตฟาน ไลเนอร์ ยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม 90 นาที อิตาลี ยังเสมอ ออสเตรีย 0 ต้องไปต่อเวลาพิเศษ 30 นาทีหาทีมผ่านเข้ารอบ
เข้าสู่ช่วงทดเวลาพิเศษ นาทีที่ 94 อิตาลี ทะยานออกนำ 1-0 จากบอลยาวทางซ้ายของ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า ตักเข้าเขตโทษลึกมาเสาไกลถึง เฟเดริโก้ เคียซ่า ใช้หัวพักบอลก่อนจิ้มหนี สเตฟาน ไลเนอร์ ได้ช่องตวัดด้วยซ้ายแฉลบปลายเท้า ดาวิด อลาบา พุ่งเสียบหน้าต่างเสาไกลงามหยด จากนั้นนาทีที่ 104 จากฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษของ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ วิ่งมาปั่นด้วยขวาบอลติดไซค์โป้งโค้งข้ามกำแพงหวิดเสียบใต้คานติดปลายมือ ดาเนี่ยล บัคมันน์ ผวาปัดทิ้งเหลือเชื่อ นาทีต่อมา อิตาลี หนีห่างเป็น 2-0 จากบอลทางซ้ายของ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ แทงเข้าเขตโทษให้ ฟรานเชสโก้ อแชร์บี ทิ้งตัวเขี่ยบอลต่อให้ มัตเตโอ เปสซิน่า ตะบันด้วยซ้ายสวนตัว ดาเนี่ยล บัคมันน์ ตุงตาข่ายไม่เหลือ นาทีที่ 106 ออสเตรีย เกือบตีไข่แตกจากตำสำรองอย่าง ลูอิส เชาบ์ ซัดด้วยซ้ายหน้ากรอบ 18 หลาแต่ก็ยังไม่ผ่านมือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า พุ่งมาปัดทิ้งสุดสวย และแล้วนาทีที่ 114 ออสเตรีย ได้ประตูปลุกความหวังไล่มาเป็น 2-1 จากลูกเตะมุมทางขวา ลูอิส เชาบ์ ปั่นมาเสาแรกให้ ซาซ่า คาลัดจ์ซิช โฉบตัดหน้า มานูเอล โลคาเตลลี่ ทิ้งตัวโขกกระดอนพื้นเบียดโคนเสาแรกเข้าไป จบช่วงต่อเวลาพิเศษ อิตาลี ชนะ ออสเตรีย 2-1 สุดท้ายเป็นขุนพล “อัซซูร์รี่” ลอยลำผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายสำเร็จ
รายชื่อนักเตะที่ลงสนามตัวจริง
อิตาลี : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, ฟรานเชสโก้ อแชร์บี, เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า – นิโคโล่ บาเรลล่า (มัตเตโอ เปสซิน่า น.67), จอร์จินโญ่, มาร์โก แวร์รัตติ (มานูเอล โลคาเตลลี่ น.67), โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ (เฟเดริโก้ เคียซ่า น.84), ชิโร่ อิมโมบิเล่ (อันเดรีย เบล็อตติ น.84), ลอเรนโซ่ อินซินเญ่
ออสเตรีย : ดาเนี่ยล บัคมันน์, สเตฟาน ไลเนอร์ (คริสโตเฟอร์ ทริมเมิล น.114), อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช, มาร์ติน ฮินเตอร์เร็กเกอร์, ดาวิด อลาบา, ซาเวอร์ ชลาเกอร์ (มิคาเอล เกรกอริทช์ น.106), โฟลเรียน กริลลิตส์ช (ลูอิส เชาบ์ น.106), คอนราด ไลเมอร์ (สเตฟาน อิลซานเคอร์ น.114), มาร์เซล ซาบิตเซอร์, คริสโตฟ เบาม์การ์ทเนอร์ (อเลสซานโดร ช็อปฟ์ น.90), มาร์โก อาร์เนาโตวิช (ซาซ่า คาลัดจ์ซิช น.97)