“กุนโดกัน” เกือบแย่เพราะโควิด-19 สู่อาวุธลับแมนฯ ซิตี้ ทวงแชมป์พรีเมียร์ลีก
ต้นฤดูกาลนี้เขาติดโควิด-19 แต่ตอนนี้พา แมนฯ ซิตี้ มีลุ้นทวงแชมป์พรีเมียร์ลีก ติดตามว่าทำไม อิลคาย กุนโดกัน ถึงอยู่ในช่วงฟอร์มดีที่สุดในชีวิต
ระเบิดฟอร์มเทพ ยิงประตูมากกว่าฤดูกาลอื่นในชีวิตค้าแข้ง
ภายหลังการอำลาสโมสรของ ดาบิด ซิลบา ยอดเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติสเปนที่อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มายาวนานนับ 10 ปี ก่อนย้ายกลับบ้านเกิดไปเล่นให้ เรอัล โซเซียดัด ในฤดูกาลนี้ “อิลคาย กุนโดกัน” ก็ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่แทนในการกำหนดจังหวะการเล่นตามแท็กติกของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอลา แต่เมื่อถึงเวลาจริง บทบาทของดาวเตะสารพัดประโยชน์กลับไม่ได้มีแค่การเปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุก, คอยเชื่อมเกม และสร้างสรรค์โอกาสทำประตูให้เพื่อนร่วมทีมตามหน้าที่ในตำแหน่งมิดฟิลด์เพียงอย่างเดียว แต่เขายังต้องแบ่งเบาภาระในการล่าตาข่ายแทน เซร์คิโอ อเกวโร กับ กาเบรียล เชซุส ที่ผลัดกันบาดเจ็บและติดเชื้อโควิด-19 รวมถึง ราฮีม สเตอร์ลิง ซึ่งมีอัตราการผลิตสกอร์ลดลงกว่าฤดูกาลที่ผ่านๆ มา
อย่างไรก็ตาม กองกลางทีมชาติเยอรมนีเชื้อสายตุรกีกลับทำหน้าที่ทดแทนได้อย่างไร้รอยต่อ จน “เรือใบสีฟ้า” แล่นฉิว เดินหน้าเก็บชัยชนะอย่างต่อเนื่องถึง 11 นัดรวมทุกรายการ โดยที่ชนะ 7 นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก ทะยานแซงหน้า ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นมาเป็นจ่าฝูง หลังจากเคยหล่นไปอยู่ถึงอันดับ 12 เมื่อเดือนพฤศจิกายน กลับมามีลุ้นแบบเต็มตัวในการทวงบัลลังก์แชมป์จากที่เคยปล่อยให้ถ้วยหลุดมือไปอยู่กับ “หงส์แดง” เมื่อซีซั่นที่แล้ว เครดิตส่วนหนึ่งต้องยกให้กับผลงานอันยอดเยี่ยมของ กุนโดกัน ที่ซัดไปถึง 7 ประตูจากการลงเล่นในลีกเพียง 8 นัด นับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมเป็นต้นมา และหากนับรวมทุกรายการในซีซั่นนี้ เขากดไปแล้วถึง 9 ลูก ซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดในชีวิตการค้าแข้ง เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เคยยิงเกิน 6 เม็ดต่อ 1 ฤดูกาลเลย ทั้งการเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ ตลอดจน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ เนิร์นแบร์ก อดีตต้นสังกัดในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน
เมื่อถูกถามว่าทำไมซีซั่นนี้ถึงยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ หลังจบเกมล่าสุดที่ “เรือใบสีฟ้า” บุกไปถลุง เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ขาดลอย 5-0 โดยที่ กุนโดกัน จัดไป 2 ลูก เจ้าตัวกลับตอบแบบตรงไปตรงมาว่าไม่มีเคล็ดลับอะไรทั้งนั้น นอกเหนือจากการเคลื่อนที่ตามแท็กติกของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา และสัญชาตญาณส่วนตัว ดาวเตะวัย 30 ปี ขยายความเพิ่มเติมว่า “เราพยายามเล่นให้ยืดหยุ่นกับตำแหน่งในสนาม โดยเฉพาะอย่างย่ิงเมื่อเราเห็นคู่กองหลังหรือมิดฟิลด์ตัวคุมเกมกำลังขึ้นเกมจากแดนหลัง หากผู้เล่นมีเวลาและพื้นที่ที่จะขยับเข้าไปรับบอลให้ถูกจังหวะ เราจะพยายามหาโอกาสเคลื่อนที่ไปยังจุดนั้น ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่ทำให้เราได้ประตูแรก (ขึ้นนำ เวสต์บรอมวิช 1-0 ในนาทีที่ 6 จากฝีเท้าของ กุนโดกัน) ผมก็แค่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นที่นั้นให้ถูกจังหวะ เพราะในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ผมต้องเล่นในบทบาทที่มีส่วนร่วมกับเกมรุกมากขึ้น และถ้าผมเห็นว่ามีโอกาสที่จะเข้าไปใกล้เขตโทษของคู่ต่อสู้ ผมก็จะพยายามไปให้ถึงตรงนั้นและหาทางตัดสินใจด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับจังหวะเหล่านั้น”
กุนโดกัน ไม่เพียงแต่จะช่วย เป๊ป อุดช่องว่างแทน อเกวโร ที่เจอทั้งอาการบาดเจ็บและการติดเชื้อโควิด-19 รุมเร้าจนแทบไม่ได้ลงสนามในฤดูกาลนี้ได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ยังมีส่วนร่วมในจังหวะสำคัญบ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น 4 ประตูที่เขาทำได้นั้นก็เป็นประตูแรกของเกมที่ช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ ปลดล็อกก่อนนำไปสู่การคว้าชัย นอกจากนั้น อดีตนักเตะเยาวชนของ ชาลเก 04 และ โบคุม ยังมีรูปแบบการทำประตูที่หลากหลาย ทั้งลูกยิงไกลหน้ากรอบเขตโทษในเกมพบกับ เวสต์บรอมวิช (5-0) และ คริสตัล พาเลซ (4-0), การสอดเข้ามายิงที่จุดนัดพบในเกมเจอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (2-0) ตลอดจนการสังหารจุดโทษอย่างเยือกเย็นในเกมตกค้างกับ แอสตัน วิลลา (2-0)
จำนวนสกอร์ที่เพิ่มขึ้นในระยะหลังบ่งบอกให้เห็นถึงบทบาทใหม่ของ กุนโดกัน ที่ถูกดันให้ขึ้นไปเล่นเกมรุกแบบเต็มตัวมากขึ้น ส่งผลให้เขามีโอกาสลุ้นทำประตูต่อ 1 เกมมากที่สุดเมื่อเทียบกับทั้ง 5 ฤดูกาลนับตั้งแต่ย้ายมาจาก ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (830 ล้านบาท) เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2016 ซึ่งเขาเป็นนักเตะคนแรกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เซ็นสัญญาหลังเข้ามารับงานในถิ่นเอติฮัด สเตเดียม ด้วย
เป๊ป อธิบายถึงสรรพคุณของลูกทีมคนเก่งหลังเกมกับ เวสต์บรอมวิช ว่า “กุนโด คือคนที่มีเซนส์ในการเข้าทำประตูอันน่าเหลือเชื่อมาก มันไม่ใช่แค่การรู้เวลาที่ถูกต้องในการเข้าหากรอบเขตโทษเท่านั้น แต่ต้องคำนวณอย่างละเอียดระดับวินาทีที่จะขยับเข้าไปให้ถูกต้อง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ยากที่สุดเพราะเราจะไปถึงก่อน 1 เมตร หรือถึงช้ากว่า 1 เมตรก็ไม่ได้ แต่ต้องเข้าไปให้ถูกที่ถูกเวลาจริง และ กุนโด ก็มีเซนส์ในเรื่องนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยทักษะการจบสกอร์ กุนโด มีวิธีในการควบคุมน้ำหนักและทิศทางของบอลที่จะออกจากเท้า อีกทั้งยังมีไหวพริบในการดึงจังหวะ และใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการจัดระเบียบร่างกายตัวเองก่อนรอดูผลลัพธ์ที่ตามมา และนั่นคือสิ่งที่น่าทึ่งของเขา”
“การติดเชื้อโควิด-19 ไม่ใช่เรื่องตลก”
แต่กว่าจะกลายเป็นตัวยืนใน 11 คนแรก โชคชะตากลับเล่นตลกกับ กุนโดกัน เมื่อวันที่ 21 กันยายนปีที่แล้ว ซึ่งเขากลายเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 3 ของ “เรือใบสีฟ้า” ในช่วงนั้นต่อจาก ริยาด มาห์เรซ กับ เอเมอริก ลาปอร์กต์ และนั่นทำให้เขาต้องหายหน้าหายตาไปจากทีมในช่วงต้นฤดูกาลเป็นเวลาถึง 5 นัดด้วยกัน
แม้จะฟื้นตัวกลับมามีผลตรวจเป็นลบภายในระยะเวลากักตัวตามมาตรการของรัฐบาลอังกฤษและพรีเมียร์ลีกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด แต่ในระหว่าง 10 วันที่ติดเชื้อก่อนกลับมาฝึกซ้อมได้อีกครั้ง เจ้าตัวยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องพบกับฝันร้ายและกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไปชั่วขณะ
“ผมรู้สึกปวดแขนขาก่อนในช่วงแรก จากนั้นก็เริ่มหมดแรงและลิ้นก็ไม่รับรู้รสชาติแม้แต่นิดเดียว” กุนโดกัน เล่าถึงอาการระหว่างติดเชื้อโควิด-19 “ผมรู้สึกไม่ดีเลยและทำได้แค่นอนเฉยๆ อยู่บนเตียงเท่านั้น หลังจากผ่านไปหลายวันผมก็ค่อยๆ รู้สึกดีขึ้น บอกตามตรงว่าผมจำไม่ได้เลยว่าครั้งสุดท้ายที่ผมถูกเชื้อไวรัสเล่นงานคือเมื่อไร”
ประสบการณ์ในฐานะผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทำให้เขาออกมารณรงค์ให้แฟนบอลตลอดจนคนทั่วไปหันมาใส่ใจเรื่องการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสตัวร้ายนี้ แต่ก็ยังมีเกรียนคีย์บอร์ดบางส่วนที่กลับมองว่าช่วงเวลาที่เขาติดเชื้อคือช่วงเวลาพักผ่อน และได้นอนสบายๆ อยู่กับบ้าน นั่นทำให้ กุนโดกัน ออกมาตอบโต้ผ่านแถลงการณ์หลังจากหายป่วยว่า “การติดเชื้อโควิด-19 ไม่ใช่เรื่องตลก คุณต้องให้ความสำคัญกับมันและใส่ใจอย่างจริงจังมากกว่านี้ หลังจากที่ประกาศว่ามีผลตรวจเป็นบวก ผมได้อ่านคอมเมนต์มากมายบนโลกโซเชียลว่า ‘เขาสบายแล้วนี่’ , ‘เขาได้นอนชิลๆ อยู่บ้านก่อนกลับมาซ้อมตั้ง 10 วันแน่ะ’ แต่ผมอยากจะบอกคนเหล่านี้ว่า ‘ไม่เลย โชคร้ายมากกว่า นั่นไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย’ “
“การเป็นนักกีฬาอาชีพ แน่นอนว่าผมไม่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มเปราะบางต่อโรคนี้ ผมจึงคิดว่าตัวเองโชคดีมาก ประสบการณ์ที่ผมเคยติดเชื้อคงเปรียบเทียบไม่ได้กับผู้ได้รับผลกระทบร้ายแรงจนถึงขั้นสูญเสียคนในครอบครัวหรือญาติสนิทมิตรสหาย ไม่ว่าผมจะอยู่ในฐานะผู้ที่เคยติดเชื้อหรือบุคคลที่ควรเป็นตัวอย่างให้กับสังคม ผมอยากเตือนทุกคนอีกครั้งเกี่ยวกับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน และควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด ทั้งการเว้นระยะทางสังคมและการสวมหน้ากาก เวลานี้มีคนนับล้านที่เสี่ยงกับโรคนี้ ทุกคนจึงต้องใช้ชีวิตด้วยความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ไม่ว่าคุณจะเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ก็ตาม”
นักเตะที่ เป๊ป วางใจ “เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว”
นอกเหนือจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว กุนโดกัน ยังต้องเจออุปสรรคมากมายกับการเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงในทีมแมนฯ ซิตี้ ซึ่งที่ผ่านมาเขาต้องเข้าๆ ออกๆ ในโผ 11 คนแรกโดยไม่มีที่ว่างการันตีแบบนอนมาเลย ไมกาห์ ริชาร์ดส อดีตกองหลังของ “เรือใบสีฟ้า” และทีมชาติอังกฤษ ได้กล่าวถึงกองกลางจากเมืองเบียร์ผ่านทาง บีบีซี สปอร์ต ว่าเป็นนักเตะที่ได้รับการประเมินฝีเท้าต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะ 4 ปีก่อนหน้านี้มักถูก เป๊ป กวาร์ดิโอลา ใช้งานในฐานะ “อะไหล่ชั้นดี” มาตลอด โดยเฉพาะในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวตัดเกมที่ต้องคอยทดแทนจอมเก๋าอย่าง แฟร์นันดินโญ เรื่อยมาจนถึง โรดรี เจ้าของค่าตัวแพงที่สุดของสโมสร
แต่ ไมกาห์ ริชาร์ดส วิเคราะห์ว่าคุณภาพที่ กุนโดกัน มีอยู่สามารถสร้างประโยชน์ได้มากกว่าการทำหน้าที่เป็นตัวคุมเกมแดนกลาง ซึ่งตอนนี้ก็ได้แสดงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ให้ทุกคนเห็นแล้ว “เขาสามารถทำประตูมากมายได้ เขาสามารถสร้างโอกาสลุ้นทำประตูหลายครั้งได้ และถ้าคุณสังเกตจังหวะในการวิ่งเข้าหากรอบเขตโทษของเขา เขาคือผู้เล่นที่ฉลาดมากในเรื่องนี้ และยังเป็นนักเตะที่เล่นเพื่อทีมด้วย ที่ผ่านมาผมเคยวิจารณ์ โรดรี หลายครั้ง เพราะบางทีเขาก็ไม่ยอมจ่ายบอลแบบคิลเลอร์พาสไปข้างหน้า และชอบต่อบอลสั้นๆ มากกว่า แต่ กุนโดกัน กลับมีจังหวะเล่นแบบกล้าได้กล้าเสียและมีผลต่อเกมด้วยการผ่านบอลทะลุช่องรวมถึงการเข้าทำประตู จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไม เป๊ป ถึงรักเขา”
ไม่เพียงแค่การมีส่วนร่วมกับการผลิตสกอร์เท่านั้น แข้งเลือดอินทรีเหล็กยังนำสมดุลและวินัยมาสู่ทีมอีกด้วย ซึ่งนั่นเป็นคุณสมบัติอันโดดเด่นที่สุดของเขามาแต่ไหนแต่ไร ทำให้เขาเป็นที่โปรดปรานของเหล่ากุนซือที่ร่วมงานไปจนถึงบรรดาแฟนบอล แน่นอนว่า เป๊ป เองก็ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างไม่ต้องสงสัยถึงขั้นให้คำนิยามหลังจบเกมที่ชนะ นิวคาสเซิล เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า “เขาคือนักเตะและมนุษย์ที่น่าทึ่ง เขาทำให้เรามีจังหวะการเล่นที่ถูกต้อง”
กระนั้น กุนโดกัน ต้องรอคอยโอกาสด้วยความอดทน เพราะที่ผ่านมาต้องตกอยู่ใต้ร่มเงาของนักเตะที่เป็นตัวเลือกแรกของ เป๊ป ที่ทับตำแหน่งกับเขามาตลอด ทั้ง แฟร์นันดินโญ, ดาบิด ซิลบา และ เควิน เดอ บรอยน์ บวกกับปัญหาบาดเจ็บเข่าอย่างรุนแรงในช่วงแรกที่ย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษ ทำให้เขาเพิ่งจะลงสนามไป 183 นัดตลอดระยะเวลา 5 ฤดูกาล แต่ด้วยทัศนคติที่ดีและความเป็นมืออาชีพ ทุกครั้งที่ เป๊ป เรียกใช้บริการเขาก็ไม่มีท่าทีเกี่ยงงอน ไม่ว่าจะให้ลงเล่นตำแหน่งไหนหรือทดแทนใครในแผงมิดฟิลด์ กุนโดกัน ก็พร้อมทำตามความต้องการของผู้จัดการทีมชาวสเปนเสมอ กระนั้นครั้งหนึ่งซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับการปักป้ายว่าเป็น “ตัวเลือกที่เน้นปลอดภัยไว้ก่อน” ของ เป๊ป เกิดขึ้นในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีม นัดแรก เมื่อฤดูกาล 2017-2018 ซึ่งเกมนั้น กุนโดกัน ถูกส่งลงเป็นตัวจริงแทน ราฮีม สเตอร์ลิง แบบพลิกโผ ก่อนได้รับโอกาสแบบนั้นอีกในถ้วยใหญ่ของยุโรปรอบเดียวกัน ซีซั่นถัดมา ซึ่งเขาถูกเลือกให้ทำหน้าที่แทน ลีรอย ซาเน และ เดอ บรอยน์ แม้ว่าจะแพ้ให้กับ สเปอร์ส ก็ตาม
ผู้จัดการทีมชาวสเปน แสดงความรู้สึกกับสิ่งที่ กุนโดกัน ตอบแทนด้วยการก้มหน้าก้มตาทำผลงานในสนามว่า “อันดับแรกเลย ผมพอใจมากกับผลงานที่ผ่านมาของ กุนโด ไม่ใช่แค่ในช่วงนี้เท่านั้น แต่ในฤดูกาล 2018-2019 ตอนที่เราได้แชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 2 ติดต่อกัน เขาก็เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับแทน แฟร์นันดินโญ ในช่วงที่เจ็บและทำได้ดีอย่างเหลือเชื่อด้วย ช่วงฤดูกาลแรกที่เขาเจ็บเอ็นหัวเข่า เราต่างก็คิดถึงเขามาก แต่หลังจากนั้นมาเราก็ได้เห็นผลงานอันยอดเยี่ยมแบบเดียวกับในตอนนี้ และยังแสดงให้เห็นถึงบุคลิกอันยิ่งใหญ่ในช่วงเวลาที่สำคัญของทีมด้วย ทุกสิ่งที่เขาแสดงออกมานั้นถือว่าสำคัญกับเรามาก”
นั่นแสดงให้เห็นว่าเมื่อใดที่ เป๊ป ต้องการความอุ่นใจ กุนโดกัน ก็จะเป็นนักเตะที่ได้รับความไว้วางใจเสมอ และเมื่อ เดอ บรอยน์ ได้รับบาดเจ็บหลายสัปดาห์เช่นในตอนนี้ เขาก็สามารถเป็นอาวุธลับให้กับทีมในภารกิจทวงคืนตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ทันที รวมถึงรายการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ลีกคัพ, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่แมนฯ ซิตี้ ยังมีลุ้นทุกถ้วย