เจอร์ซีย์ บูลส์ : เจ้าของสถิติชนะรวด มากกว่า บาเยิร์น-แมนฯ ซิตี้ แต่ไม่มีบุญได้แชมป์

เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกว่า บาเยิร์น มิวนิก, แมนฯ ซิตี้ ยังมี เจอร์ซีย์ บูลส์ ทีมที่ชนะรวดมากที่สุดในโลก แต่พวกเขากลับไม่มีวาสนาที่จะได้แชมป์

สถิติโลกชนะรวด…ที่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ หลังจากโชว์ฟอร์มดุดันมาพักใหญ่ ในที่สุด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็โดนหยุดสถิติชนะรวดทุกรายการไว้ที่ 21 นัด ด้วยฝีมือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมืองที่เป็นหอกข้างแคร่ในการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020-2021 พร้อมลดช่องว่างบนตารางคะแนนเหลือ 11 แต้ม แต่ “เรือใบสีฟ้า” ยังดีพอที่จะยืนหนึ่งบนสถิติชนะติดต่อกันมากที่สุดในอังกฤษ ซึ่งก่อนหน้านี้ทำได้เพียง 14 เกมจากผลงานของ อาร์เซนอล (12 กันยายน 1987 – 17 พฤศจิกายน 1987) และ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ (24 ตุลาคม 1891 – 30 มกราคม 1892)

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำสถิติชนะรวดมากที่สุดในอังกฤษ 21 นัด ก่อนถูกหยุดยั้งโดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ตัวเลขดังกล่าวทำให้ แมนฯ ซิตี้ ภายใต้การนำทัพของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยอดกุนซือชาวสเปน ยังไม่สามารถทำลายสถิติของ บาเยิร์น มิวนิกที่ชนะติดต่อกันมากที่สุดในบรรดาสโมสรจาก 5 ลีกใหญ่ของยุโรป (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี, บุนเดสลีกา เยอรมัน, ลา ลีกา สเปน, ลีกเอิง ฝรั่งเศส) “เสือใต้” เพิ่งคว้าชัย 23 นัดรวดในยุคของ ฮันซี ฟลิก เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาประกาศศักดาคว้าแชมป์มาประดับบารมีถึง 4 รายการ ทั้ง บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ก่อนถูก ฮอฟเฟนไฮม์ หยุดความร้อนแรงด้วยการโดนถลุงแบบหมดรูป 1-4 เมื่อวันที่ 27 กันยายน

อย่างไรก็ตาม สถิติของ บาเยิร์น และ แมนฯ ซิตี้ ยังไม่อาจเทียบเท่ากับ เดอะ นิว เซนต์ส ทีมชั้นนำของเวลส์ที่ได้รับการบันทึกลง “กินเนสส์ บุ๊ก” ในฐานะสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ชนะติดต่อกันมากที่สุดในโลกถึง 27 เกม เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ปี 2016 จากการคว้าชัย 21 เกมในลีกสูงสุด และ 4 นัดในบอลถ้วย เวลช์ คัพ ที่พวกเขาได้แชมป์ทั้ง 2 รายการในซีซั่นนั้น บวกกับอีก 2 เกมใน สกอตติช ชาลเลนจ์ คัพ ซึ่งเข้าร่วมในฐานะทีมรับเชิญ

แต่คำว่า “เหนือฟ้ายังมีฟ้า” ยังคงเป็นวลีอมตะที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย เมื่อยังมีสโมสรในวงการลูกหนังที่สะกดคำว่า “ชนะ” นานกว่าทุกทีมที่ได้กล่าวมา และน่าจะเป็นเจ้าของสถิติโลกตัวจริงเสียงจริง

สถิติโลกชนะรวด…ที่มีการรายงานข่าว

“เจอร์ซีย์ บูลส์” คือ ทีมที่ชนะรวดต่อเนื่องยาวนานที่สุดถึง 36 นัด หากยึดตามข้อมูลเท่าที่สามารถค้นหาได้และมีการรายงานข่าว แต่น่าเสียดายที่ กินเนสส์ บุ๊ก ไม่บันทึกให้เป็นสถิติโลก เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่สโมสรฟุตบอลอาชีพ แต่เป็นทีมในลีกสมัครเล่นของเมืองผู้ดี

บีบีซี สปอร์ต สื่อชั้นนำของอังกฤษ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในเรื่องของความน่าเชื่อถือ ระบุว่า เจอร์ซีย์ บูลส์ ไม่เคยแพ้ใครในเกมอย่างเป็นทางการ ซึ่งพวกเขาก็ชนะติดต่อกันถึง 36 เกม หรือทุกนัดที่ลงสนาม นับตั้งแต่ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันอย่างจริงจังในปี 2019  กระนั้นก็ดี ลีกที่ เจอร์ซีย์ บูลส์ ทีมที่เพิ่งก่อตั้งในเดือนสิงหาคม ปี 2018 ฟาดแข้งอยู่นั้นมีชื่อว่า “เดอะ คอมไบน์ด เคาน์ตีส์ ลีก ดิวิชั่น 1″ หากเทียบตามลำดับชั้นของลีกฟุตบอลอังกฤษแล้ว นี่คือลีกในระดับที่ 10 หรือต่ำกว่า พรีเมียร์ลีก ลงไปถึง 9 ดิวิชั่น ลีกอาชีพในเมืองผู้ดีมีอยู่ 4 ดิวิชั่น ประกอบด้วย พรีเมียร์ลีก, แชมเปียนชิพ, ลีกวัน, ลีกทู ถัดจากนั้นก็จะเป็นลีกสมัครเล่น หรือที่คอบอลเรียกกันจนคุ้นเคยว่า “นอกลีก” ซึ่งลำดับชั้นของลีกสมัครเล่นเหล่านี้จะเรียกเป็น “สเตป” (Step) ซึ่งก็จะมีตั้งแต่ “สเตป 1” ถึง “สเตป 6” โดย “เดอะ คอมไบน์ด เคาน์ตีส์ ลีก ดิวิชั่น 1” ถูกจัดอยู่ใน “สเตป 6” หรือล่างสุดตามระบบฟุตบอลลีกอังกฤษเลยทีเดียว

แม้จะเป็นสโมสรน้องใหม่ที่เพิ่งฟอร์มทีมขึ้นมาได้ไม่ถึง 3 ปี แต่พลพรรค “เดอะ บูลส์” กลับไร้ผู้ต่อกรในระดับเดียวกัน เมื่อสามารถชนะรวด 27 นัด ในฤดูกาล 2019-2020 ตามด้วยคว้าชัยอีก 4 เกม ในซีซั่น 2020-2021 ส่วนอีก 5 นัดเป็นการปราบคู่แข่งในฟุตบอลถ้วย 3 รายการ สำหรับบรรดาทีมในลีกสมัครเล่นเมืองผู้ดี

ชนะรวดมากที่สุดในโลก…แต่ไม่เคยได้แชมป์แม้แต่รายการเดียว

ทั้งที่ผลงานแข็งแกร่งเกินกว่าคู่แข่งทุกรายจะต้านทานได้ แต่ทำไมพวกเขาจึงยังเล่นอยู่ใน เดอะ คอมไบน์ด เคาน์ตีส์ ลีก ดิวิชั่น 1 ซึ่งตามปกติหากชนะทุกแมตช์ที่มีการแข่งขันแบบนี้ เจอร์ซีย์ บูลส์ ก็สมควรเลื่อนชั้นขึ้นไปอยู่ใน “สเตป 5″ ได้แล้ว ในฐานะแชมป์ลีกของ “สเตป 6” คำตอบก็คือ “โควิด-19” โรคอุบัติใหม่ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ได้บีบให้ลีกสมัครเล่นใน “สเตป 3” จนถึง “สเตป 6” ประกาศว่าผลการแข่งขันทุกนัดเป็น “โมฆะ” หรือไม่นับผลงานที่เคยลงสนามแม้แต่เกมเดียว และไม่มีทีมใดได้แชมป์ หรือเลื่อนชั้นด้วย

เจอร์ซีย์ บูลส์ ต้องเจอกับการประกาศให้ลีกเป็นโมฆะถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน โดยเมื่อซีซั่นก่อน พวกเขาชนะรวดทั้ง 27 นัด เก็บ 81 คะแนนเต็ม ครองจ่าฝูงอย่างสง่างามพร้อมกับจองตั๋วเป็น 1 ใน 4 ทีมที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ “สเตป 5” แบบนอนมา ทั้งที่ยังเหลือโปรแกรมอีกตั้ง 11 เกม แต่ทุกอย่างก็กลายเป็นศูนย์ หลังการตัดจบในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ส่วนฤดูกาลนี้ “เดอะ บูลส์” อาจไม่เสียดายมากเท่าเดิม เมื่อพวกเขาเพิ่งเตะไปเพียง 4 นัด ซึ่งแน่นอนว่ายังชนะรวดเหมือนเคย ก่อนจะไม่ได้ลงสนามอีกเลยในทุกรายการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ขณะที่ทีมอื่นๆ เล่นกันไปแล้วมากกว่า 10 นัด จนกระทั่งประกาศโมฆะลีกอีกครั้ง เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

การตัดจบลีกได้ผ่านมติเห็นชอบจากการโหวตมากกว่า 3 ใน 4 ของบรรดาทีมในสเตป 3 ถึงสเตป 6 ที่อยากให้นับหนึ่งใหม่ หากไม่สามารถลงเตะแบบมีแฟนบอลได้ก่อนวันที่ 1 เมษายน ซึ่งมาตรการโควิด-19 ใหม่ของอังกฤษระบุว่า ห้ามผู้ชมเข้าสนามจนกว่าจะถึงเดือนพฤษภาคม สาเหตุที่ เจอร์ซีย์ บูลส์ ลงแข่งน้อยกว่าทีมอื่นๆ เนื่องจากสโมสรตั้งอยู่บนเกาะ “เจอร์ซีย์” หนึ่งในดินแดนปกครองตนเองภายใต้อธิปไตยของสหราชอาณาจักร (British Crown Dependency) แต่ไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งในสหราชอาณาจักร แต่อยู่ในหมู่เกาะแชนเนล บริเวณช่องแคบอังกฤษ และอยู่ใกล้กับชายฝั่งนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส การอยู่บนเกาะที่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่ลงไปทางตอนใต้ ส่งผลให้การเดินทางเข้า-ออกเกาะของพวกเขาถูกปิดกั้นตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่จำกัดเที่ยวบินนอกสหราชอาณาจักร แต่ เอียน ฮอร์สเวลล์ ผู้อำนวยการสโมสร บอกกับ บีบีซี ว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการประกาศโมฆะลีกในปีนี้ “เราลงแข่งน้อยกว่าทุกทีมในลีก ซึ่งอาจทำให้เราต้องแข่งตามแผนรวบรัดโปรแกรมด้วยการลงเตะถึง 3 นัดในช่วงสุดสัปดาห์ โดยที่อาจจะต้องแข่ง 2 เกมในวันเสาร์เลย แต่การตัดจบทำให้เราไม่ต้องพบกับปัญหานี้ และสามารถโฟกัสไปที่ฤดูกาลหน้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งก็ต้องมามองถึงเรื่องการเงิน และการหาผู้สนับสนุนรายใหม่ซึ่งเรายังมีที่ว่างอยู่”

อย่างไรก็ดี “เดอะ บูลส์” ถือเป็น 1 ใน 66 ทีมนอกลีกที่ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ปีที่แล้ว เพื่อเรียกร้องให้ทบทวนการตัดจบลีกอีกครั้ง เนื่องจากเชื่อว่าพวกเขาสมควรได้เลื่อนชั้นจากการชนะทุกนัดที่ลงแข่งขัน แต่คำร้องดังกล่าวก็ถูกปฏิเสธจนต้องกลับมาเล่นในสเตป 6 ตามเดิม

ฮอร์สเวลล์ ให้สัมภาษณ์แบบมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า “ถ้าคุณนับผลงานในลีกฤดูกาลนี้รวมกับฤดูกาลที่แล้ว ต่อให้เราลงเล่นน้อยกว่าทีมอื่น 9 นัด เราก็ยังมีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 ของลีกอยู่ดี คงยากที่จะหาใครมาบอกว่า เจอร์ซีย์ บูลส์ ไม่สมควรเลื่อนชั้น เราอยากเล่นในสเตป 5 และเมื่อฤดูกาลที่แล้ว นักเตะของเราก็คู่ควรกับการได้เล่นในระดับที่สูงขึ้น หากว่ากันตามหลักคณิตศาสตร์ เราไม่ได้เย่อหยิ่งเกินไป แต่เราคิดว่าเราควรอยู่ในสเตป 5 เป็นอย่างน้อย”

ลุค แคมป์เบลล์ กองหลังที่เชื่อว่า เจอร์ซีย์ บูลส์ ควรได้รับการกล่าวขานถึงไม่ต่างจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เช่นเดียวกับ ลุค แคมป์เบลล์ กองหลังจอมทะลวงตาข่ายชาวสกอตแลนด์ เจ้าของสถิติ 10 ประตู จากการลงเล่น 28 นัด ก็เชื่อว่าผลงานชนะรวด 36 เกมของพวกเขาน่าจะได้รับการยกย่องไม่ต่างจากการชนะติดต่อกัน 21 นัดของ แมนฯ ซิตี้ แคมป์เบลล์ เปิดใจผ่านทาง เดลี เรคคอร์ด ว่า “เรากำลังนั่งชม แมตช์ ออฟ เดอะ เดย์ (รายการฟุตบอลชื่อดังของอังกฤษ) ดู แมนฯ ซิตี้ แล้วคิดในใจว่า ‘เฮ้ เราเคยทำสิ่งที่เหนือกว่านั้นอยู่นะ’ ผมคิดว่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ แมนฯ ซิตี้ ทำได้แล้วถือว่าเราเหนือกว่าเล็กน้อย มันเป็นความสำเร็จที่เราภาคภูมิใจ แต่ก็น่าเสียดายไม่น้อยที่เราไม่ได้แชมป์หรือเลื่อนชั้น”

แต่เมื่อไม่นานมานี้ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ มีแนวโน้มว่าอาจพิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้างของฟุตบอลลีกสมัครเล่นใหม่ ซึ่ง “เดอะ บูลส์” ก็หวังว่า ด้วยผลงานชนะทุกนัดที่ผ่านมาอาจทำให้พวกเขาถูกเลือกให้ขยับขึ้นไปอยู่ในสเตป 5 อันหมายถึงโอกาสที่จะได้ลงเล่นในศึกเอฟเอ คัพ ฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ ในรอบคัดเลือกโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องรอการสุ่มว่าจะถูกเลือกให้ไปเล่นในรอบคัดเลือก รอบพิเศษ หรือไม่ ฮอร์สเวลล์ กล่าวทิ้งท้ายอย่างมีความหวังว่า “ที่ผ่านมายังไม่เคยมีทีมฟุตบอลชายบนเกาะเจอร์ซีย์ทีมไหนที่ได้เข้าร่วมในศึกเอฟเอ คัพ เลย ถ้าเราได้รับการปรับโครงสร้างและเลื่อนขึ้นไปอยู่ในสเตป 5 เราก็จะได้เล่นใน เอฟเอ คัพ ปีหน้า ซึ่งมันจะเป็นวันประวัติศาสตร์ของเกาะเจอร์ซีย์เลยทีเดียว หากเราได้เล่นในบ้านและมีการถ่ายทอดสดออกจอโทรทัศน์ในฐานะทีมจากลีกล่างสุดที่เคยได้เข้าร่วมรายการนี้”