แฟนหงส์เป่าปาก ลิเวอร์พูล ชวดชัยในรัง นำ 2 เม็ดแต่โดนไบรท์ตันบี้เจ๊า

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังรักษาสถิติไม่แพ้ในลีกซีซั่นนี้ได้ต่อไป แต่รอดตายคาถิ่นทั้งๆที่นำหน้า ไบรท์ตัน แบบหายห่วง 2-0 แล้วโดนบดขยี้หนักจนเสียคืนสองเม็ดชนิดออกอาการร่อแร่หวิดแพ้ในช่วงท้ายด้วยซ้ำในเกมเสมอกับ นกนางนวล 2-2 จากการฟาดแข้งฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษนัดที่สิบเมื่อวันเสาร์ที่ 30 ต.ค. และโดน เชลซี ทีมจ่าฝูงสปีดหนีไปเป็นสามแต้มแล้ว

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา เป็นการพบกันของ ลิเวอร์พูล รองจ่าฝูง ทีมเดียวในลีกซีซั่นนี้ที่ยังไม่แพ้ใครกลับมาเล่นในบ้าน ดวลกับ ไบรท์ตัน ซึ่งอยู่ในช่วงฟอร์มแย่ไม่ชนะห้านัดหลังในทุกรายการ

เริ่มเกมครึ่งแรกได้แค่ 3 นาที ลิเวอร์พูล ก็น่าจะตาข่ายขาดเมื่อ ซอลลี่ มาร์ช ได้ลูกจ่ายจาก เลอันโดร ทรอสซาร์ หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษด้านซ้ายโดยไม่ล้ำหน้า แต่จังหวะสับไกถูก อลิสซง ปัดได้เยี่ยม และแล้วนาทีต่อมา เจ้าบ้านก็ตอบโต้ได้อย่างสาสมเมื่อ ฟาน ไดค์ ตักบอลยาวจากแดนกลางขึ้นทางขวาให้ โม ซาลาห์ พาเข้าเขตโทษแล้วไหลคืนให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วิ่งเข้าซัดระยะ 20 หลาแบบไม่ต้องจับส่งบอลเสียบเสาไกลให้ เร้ด แมชีน นำเร็ว 1-0 เป็นประตูแรกในลีกซีซั่นนี้ของ เฮนโด้ เท่านั้นแหละ หงส์แดง ก็คึกคักทันตาเห็น ปูพรมกดดัน นกนางนวล หาช่องทำประตูเพิ่มอย่างต่อเนื่อง กระทั่งนาทีที่ 15 บิสซูม่า เก็บบอลแถวแดนกลางได้จึงตัดสินใจกระชากขึ้นมากระทุ้งเต็มเกือกจาก 23 หลา แต่ อลิสซง ยังเหนียวพุ่งปัดด้วยปลายมือส่งบอลพุ่งกระแทกเสา ผ่านมาถึงนาทีที่ 19 เกอิต้า ก็ลงไปนั่งกุมแข้งขวา และโดนเปลี่ยนออกจนได้ให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ลงไปรับช่วงแทน และในที่สุดนาทีที่ 24 ลิเวอร์พูล นำห่างเป็น 2-0 ตัวสำรองของทีมเจ้าบ้านก็บรรจงสาดบอลยาวจากกราบขวาไปเสาไกลอย่างแม่นยำให้ มาเน่ โถมโขกระยะ 10 หลาไม่เหลือเพิ่มสกอร์ให้ เกมของ ลิเวอร์พูล เหนือกว่าชัดเจน และนาทีที่ 34 โรเบิร์ต ซานเชซ  ผู้รักษาประตูทีม ไบรท์ตัน ก็เล่นพลาดมหันต์รับบอลจากเพื่อนร่วมทีมแล้วออกบอลช้าเลยโดน มาเน่ เข้าปั๊มส่งบอลตุงตาข่าย แต่โชคยังดีที่บอลกระทบแขนดาวเตะเซเนกัลก่อนข้ามเส้นประตู จึงเป็นลูกแฮนด์บอลหลังมีการเช็ควีเออาร์ และแล้วนาทีที่ 41 ไบรท์ตันก็ไล่ตีไข่แตกเป็น 1-2 สิ่งที่กองเชียร์ เดอะ ค็อป ไม่อยากเชื่อก็บังเกิดเมื่อทีมเยือนต่อเกมขึ้นมาเป็นทอดๆทางฝั่งขวาก่อนที่ อีน็อค เอ็มเวปู จะแสดงความเหนือชั้นรับบอลจาก มาร์ช แล้วตวัดยิงจากหน้าเขตโทษระยะ 25 หลาแบบไม่ต้องแต่งย้อยเสียบใต้เพดานอย่างน่าฮือฮาหลังเห็นว่า อลิสซง ขยับออกมาหน้าเส้นประตูมากไปทำให้สกอร์เปลี่ยนเป็น 2-1 ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดจบเกมในครึ่งแรก

กลับมาต่อเกมครึ่งหลัง ทีมเยือนชิงบุกใส่ทันที แต่นาทีที่ 48 ก็โดนลูกโต้ของเจ้าบ้านเล่นงานเมื่อ มาเน่ ฉกบอลแถวกลางสนามแล้วลากขึ้นไปไหลให้ ซาลาห์ ทะลุไปซัดตุงตาข่าย แต่ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ล้ำหน้า นาทีที่ 49 ไบรท์ตัน น่าจะตีเสมอได้เมื่อ ลัลลาน่า ได้ลูกตอกส้นจาก มาร์ช หลุดไปยิงเต็มๆในเขตโทษระยะ 16 หลา แต่ อลิสซง  ล้มตัวตะปบได้อยู่มือ ถึงนาทีที่ 60 ทีมเยือนเปลี่ยน บิสซูม่า ออกให้ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ลงเล่นแทน และเร่งเกมรุกเต็มสูบจวบจนนาทีที่ 64 นกนางนวล ตีเสมอ 2-2 จากจังหวะของ ลัลลาน่า ก็ผ่านบอลเข้าเขตโทษให้ ทรอสซาร์ แตะหลบตัวประกบก่อนตะบันจากแปดหลาผ่าน อลิสซง ตุงตาข่ายให้ นาทีต่อมา ทีมเยือนส่ง ทาริค แลมพ์ตีย์ ลงเล่นแทน ยาคุบ โมเดอร์ และนาทีที่ 76 แลมพ์ตีย์ ก็ควบบอลขึ้นจ่ายให้ ทรอสซาร์ หลุดเข้าเขตโทษไปซัดบอลตุงตาข่าย แต่ไม่ได้สกอร์เนื่องจากล้ำหน้า จากนั้นพักเดียว ลัลลาน่า ก็ถูก ไบรท์ตัน เปลี่ยนออกให้ ปาสกาล โกรสส์ ลงไปแทนที่  ขณะที่ ลิเวอร์พูล พึ่ง ดีโอโก้ โชต้า แทน ฟีร์มิโน่ หลังจากโดนทีมเยือนกดดันหนักจนระส่ำระสาย สิบนาทีสุดท้าย ทีมเยือนพยายามปลิดชีพเจ้าถิ่นให้ได้ทำเอา เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องใช้งาน ทาคูมิ มินามิโนะ ลงไปแทน โจนส์ ในนาทีที่ 87 แต่อึดใจเดียวดาวเตะซามูไรไปทำฟาวล์ ทรอสซาร์ พร้อมโดนจดชื่อ อย่างไรก็ดี ช่วงที่เหลือ หงส์แดง บุกแหลก และทำให้ แลมพ์ตีย์ ได้ใบเหลืองข้อหาขวางจังหวะเล่นลูกฟรีคิกของเจ้าบ้าน จากนั้นในช่วงทดเวลา เชน ดัฟฟีย์ ก็จำเป็นต้องตัดเกมทำฟาวล์ และโดนจดชื่อเช่นกัน จังหวะต่อมา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ไปผลักคู่แข่งจึงได้ใบเหลืองอีกราย หมดเวลาทั้งสองทีมจึงเสมอกันไปแบบสนุก 2-2 แบ่งกันไปคนละแต้ม แต่ หงส์แดง เสียหายหนักถูก เชลซี หนีห่างเป็นสามแต้มแล้ว

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : อลิสซง เบ็คเกอร์ (GK), เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี้ เกอิต้า (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน น.19), เคอร์ติส โจนส์ (ทาคูมิ มินามิโนะ น.87), ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (ดีเอโก้ โชต้า น.78) 

 ไบรท์ตัน : โรเบิร์ต ซานเชซ (GK), มาร์ค คูคูเรลล่า, ลูอิส ดังค์, เชน ดัฟฟีย์, โจเอล เวลท์แมน, อดัม ลัลลาน่า (ปาสกาล โกรสส์ น.77), ยาคุบ โมเดอร์ (ทาริค แลมพ์ตีย์ น.65), อีน็อค เอ็มเวปู, ซอลลี่  มาร์ช, อีฟส์ บิสซูม่า ( อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ น.60), เลอันโดร ทรอสซาร์