หลับสบายขึ้น “เทน ฮาก” เผยแมนยูฯ ดรอป “โรนัลโด” จากเกมลิเวอร์พูล ช่วยตัดปัญหากวนใจ
จุดเปลี่ยนฤดูกาลนี้ “เทน ฮาก” เผยดรอป “โรนัลโด” เป็นสำรองแมนยูฯ ตั้งแต่เกมพรีเมียร์ลีก ชนะลิเวอร์พูล ทำให้ชีวิตดีขึ้นเยอะ
วันที่ 5 มีนาคม 2566 เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 3 พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมแดงเดือดที่จะไปเยือน ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 6 คืนนี้ 23.30 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยพูดถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญในการพบกันครั้งแรกเมื่อช่วงต้นฤดูกาล วันที่ 22 สิงหาคม ปีที่แล้ว
เกมนั้นเป็นนัดที่ 3 ของฤดูกาล ซึ่ง แมนยูฯ ที่แพ้รวด 2 เกมแรก จนหล่นไปรั้งอันดับสุดท้าย กลับมาคืนฟอร์มเก่งด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ก่อนหนีบ๊วยได้สำเร็จ และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผลงานดีติดลมบนจนถึงทุกวันนี้ ซึ่ง “ปิศาจแดง” มีลุ้นคว้าแชมป์ทั้ง 4 รายการ โดยสัปดาห์ที่แล้วก็เพิ่งได้แชมป์คาราบาว คัพ (ลีกคัพ)
ด้าน เทน ฮาก พูดถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญของแมนยูฯ ซึ่งเขาเลือกดรอป คริสเตียโน โรนัลโด เป็นเพียงตัวสำรองในเกมแดงเดือดยกแรกกับ ลิเวอร์พูล ทำให้บรรยากาศในทีมลดความยุ่งเหยิงลง และเขาก็นอนหลับสบายขึ้น พร้อมกับส่งผลกระทบแง่บวกในระยะยาว ก่อนที่ยอดดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสจะยกเลิกสัญญาแยกทาง และย้ายไป อัล นาสเซอร์ ในลีกซาอุดีอาระเบีย
กุนซือแมนยูฯ เผยว่า “ผมต้องพิจารณาถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่แบบนั้นแน่นอน ผมต้องดูผลกระทบต่างๆ ที่จะตามมา ไม่ใช่แค่ในระยะสั้นแต่รวมถึงระยะยาวด้วย คุณต้องคิดอย่างมีกลยุทธ์เสมอในฐานะผู้จัดการทีมและพร้อมเผชิญหน้ากับผลที่ตามมา ผมทราบดีแต่นั่นคืองานและความรับผิดชอบของผม”
“ผมมีเหตุผลต่างๆ ชัดเจนที่จะเลือกจัดทีมแบบนั้นในเกมพบ ลิเวอร์พูล และผมรู้ว่าปฏิกิริยาจะเป็นไปในทางลบ ซึ่งเป็นไปได้เสมอในวงการฟุตบอล แต่ผมไม่กังวล ผมนอนหลับสบายในคืนนั้น ผมต้องตัดสินใจด้วยความเคารพต่อสโมสรและทีม ต้องยึดมั่นในการตัดสินใจเหล่านั้น”
ส่วนเรื่องการมี โรนัลโด ในทีมส่งผลต่อสปิริตและวินัยของทีมหรือไม่นั้น เทน ฮาก ก็ตอบแบบตรงไปตรงมาว่า “มีและผมไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้ คุณต้องมีกฎบางอย่างสำหรับผู้เล่นชั้นนำ ไม่ใช่แค่ในสนามเท่านั้น ผมคิดว่ามันชัดเจนในทุกองค์กรที่เมื่อไม่มีกฎและไม่มีระเบียบวินัยในการปฏิบัติตามกฎเหล่านั้นอย่างจริงจัง มันก็จะสร้างความวุ่นวาย นั่นไม่ใช่แค่กับสโมสรฟุตบอลเท่านั้น แต่มันใช้ได้กับทุกงาน มันค่อนข้างชัดเจน เพราะผมสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม”