คนละชั้น “ฮาลันด์-โฟเดน” คนละแฮตทริก “แมนฯ ซิตี้” ขยี้ “แมนยูฯ” ศึกพรีเมียร์ลีก
เออร์ลิง ฮาลันด์ ทำแฮตทริกในบ้าน 3 นัดติด นำ แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านถล่ม แมนยูฯ ในบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีกที่ยิงกันสนั่น
วันที่ 2 ตุลาคม 2565 ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2022-23 คู่เอกประจำสัปดาห์นี้ ในศึกแมนเชสเตอร์ดาร์บีแมตช์ ครั้งที่ 188 ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองจ่าฝูง ที่มี 17 คะแนน จาก 7 นัด เปิดบ้านต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 6 ที่มี 12 คะแนน จาก 6 เกม
เกมนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือแมนฯ ซิตี้ ใช้ มานูเอล อาคานจี กับ นาธาน อาเก ยืนเป็นปราการหลังคู่กัน ส่วนกองกลางส่ง อิลคาย กุนโดกัน เป็นมิดฟิลด์ตัวรับแทน โรดรี พร้อมสวมปลอกแขนกัปตันทีม ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ กับ แบร์นาร์โด ซิลวา คอยทำเกมสนับสนุน 3 แนวรุก เออร์ลิง ฮาลันด์ ดาวยิงฟอร์มฮอต, ฟิล โฟเดน และ แจ็ค กรีลิช
ส่วน เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมแมนยูฯ ได้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หายเจ็บกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้ง โดยยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าด้านหน้า 3 แนวรุก แอนโทนี, เจดอน ซานโช และ บรูโน เฟอร์นันเดส กัปตันทีม ขณะที่กองกลางตัวรับยังไว้ใจ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ คริสเตียน อีริคเซน เหมือนเดิม ด้านกองหลังคู่กลางยังเป็น ลิซานโดร มาร์ติเนซ กับ ราฟาเอล วาราน
นาทีที่ 8 “เรือใบสีฟ้า” ออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว จากการต่อบอลทำชิ่งเจาะแนวรับ “ปิศาจแดง” ก่อนเปลี่ยนแกนไปทางซ้ายให้ แบร์นาร์โด ซิลวา ตบเข้ากลางให้ ฟิล โฟเดน โฉบมายิงที่เสาแรกเข้าไป ชนิดที่ ดาบิด เด เคอา ยืนขาตาย
นาทีที่ 34 แมนฯ ซิตี้ หนีห่างเป็น 2-0 จากลูกเตะมุมทางซ้าย เควิน เดอ บรอยน์ เปิดมาให้ เออร์ลิง ฮาลันด์ ขึ้นโขกเต็มๆ แม้ ไทเรลล์ มาลาเซีย จะพยายามสกัดออกมา แต่บอลข้ามเส้นเข้าไปเต็มใบแล้ว
นาทีที่ 38 เจ้าถิ่นนำลิ่วเป็น 3-0 จากจังหวะสวนกลับเร็วแล้ว แมนยูฯ เปิดพื้นที่ในแดนกลาง เควิน เดอ บรอยน์ เปิดโค้งเข้าเขตโทษผ่านแนวรับให้ เออร์ลิง ฮาลันด์ แหย่เท้าชาร์จที่เสาสองเข้าไป เป็นประตูที่ 13 ในพรีเมียร์ลีก นำดาวซัลโว
นาทีที่ 40 สถานการณ์ของ “ปิศาจแดง” ยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก หลังจาก ราฟาเอล วาราน มีอาการบาดเจ็บ ต้องเปลี่ยนตัวเอา วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ลงมาเล่นแทน แต่นาทีต่อมา “เรือใบสีฟ้า” ก็ต้องถอด ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่เจ็บเช่นกัน และส่ง เซร์คิโอ โกเมซ ลงมาเล่นแบ็กซ้าย แล้วโยก เจา คันเซโล ไปเล่นแบ็กขวาแทน
นาทีที่ 44 “เรือใบสีฟ้า” ที่ยังไม่เพลาเกมรุก อาศัยการโต้กลับเร็วเล่นงานอีกครั้ง ก่อนที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ จะปาดเรียดไปเสาไกลให้ ฟิล โฟเดน เข้าฮอสระยะเผาขนเป็น 4-0 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลัง เอริค เทน ฮาก แก้เกมให้ แมนยูฯ ด้วยการส่ง ลุค ชอว์ ลงมาเล่นแบ็กซ้ายแทน ไทเรลล์ มาลาเซีย ที่มีใบเหลืองติดตัว ก่อนตีไข่แตกไล่มา 1-4 ในนาทีที่ 56 จาก แอนโทนี ที่โยกตัดจากด้านขวาเข้าใน แล้วหาช่องปั่นโค้งหนีมือ เอแดร์สัน เสียบเสาไกลอย่างสวยงาม
จากนั้นนาทีที่ 59 เทน ฮาก ก็เปลี่ยนตัวอีก 2 คน ส่ง คาเซมิโร ลงมาแทน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ อองโตนี มาร์กซิยาล ลงมาแทน มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่แผลงฤทธิ์ไม่ออก หลังจากหายเจ็บกลับมา
แต่แล้วนาทีที่ 64 การต่อบอลเข้าทำเร็วของ แมนฯ ซิตี้ ยังเล่นงาน แมนยูฯ ได้อีกครั้ง คราวนี้ เซร์คิโอ โกเมซ แบ็กซ้ายตัวสำรอง เติมขึ้นมาเปิดเข้ากลางให้ เออร์ลิง ฮาลันด์ โฉบมาแปตุงตาข่าย เป็นการทำแฮตทริกให้กับ แมนฯ ซิตี้ ในเกมเหย้าพรีเมียร์ลีก 3 นัดติดต่อกัน และเป็นสกอร์ 5-1 ก่อนที่ แมนยูฯ จะส่ง เฟร็ด ลงมาแทน เจดอน ซานโช ในนาทีที่ 70
นาทีที่ 73 สกอร์ไหลเป็น 6-1 จากจังหวะที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ จ่ายให้ ฟิล โฟเดน หลุดเข้าไปยิงล่อเป้าในเขตโทษและไม่ล้ำหน้า เนื่องจาก ลุค ชอว์ ยังยืนห้อยเป็นตัวสุดท้าย เป็นแฮตทริกของ โฟเดน
หลังจากนำห่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็เปลี่ยนตัว แมนฯ ซิตี้ อีก 4 คนที่เหลือ โดยถอด เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเดน, แจ็ค กรีลิช และ อิลคาย กุนโดกัน ออกมาพัก และส่ง เอเมอริก ลาปอร์กต์, ริยาด มาห์เรซ, ฮูเลียน อัลวาเรซ กับ โคล พาลเมอร์ ลงมายืดเส้นยืดสายในนาทีที่ 75
นาทีที่ 84 แมนยูฯ ไล่มาเป็น 2-6 จากจังหวะที่ เฟร็ด ได้ยิงไปติดเซฟ เอแดร์สัน ก่อนที่ อองโตนี มาร์กซิยาล ตัวสำรองจะโหม่งซ้ำดาบสองเข้าไป
นาทีที่ 90 “ปิศาจแดง” ได้จุดโทษ เมื่อ มาร์กซิยาล โดน เจา คันเซโล ปะทะล้มในเขตโทษ และเป็น มาร์กซิยาล ลุกขึ้นมาสังหารเอง ก่อนยิงเสียบสามเหลี่ยมขวามือ ลดช่องว่างเหลือ 3-6
จบ 90 นาที แมนฯ ซิตี้ เอาชนะไป 6-3 เก็บเพิ่มเป็น 20 คะแนน แต่ยังรั้งอันดับ 2 ตามหลังจ่าฝูง อาร์เซนอล 1 แต้มเท่าเดิม ส่วน แมนยูฯ มี 12 คะแนน อยู่อันดับ 6 ต่อไป
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ระบบ 4-3-3) : เอแดร์สัน (ผู้รักษาประตู), ไคล์ วอล์คเกอร์, มานูเอล อาคานจี, นาธาน อาเก, เจา คันเซโล, อิลคาน กุนโดกัน (กัปตันทีม), เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาร์โด ซิลวา, ฟิล โฟเดน, เออร์ลิง ฮาลันด์, แจ็ค กรีลิช
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ระบบ 4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา (ผู้รักษาประตู), ดิโอโก ดาโลต์, ราฟาเอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ไทเรลล์ มาลาเซีย, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, คริสเตียน อีริคเซน, แอนโทนี, บรูโน เฟอร์นันเดส (กัปตันทีม), เจดอน ซานโช, มาร์คัส แรชฟอร์ด