ชำแหละ 4 ประเด็นร้อน แมนยูฯ เฉือนหวิว เวสต์แฮม ศึกเอฟเอคัพ

“ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ผ่านเข้ารอบ 8 ทีม เอฟเอคัพ และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญที่ได้เห็นในเกมนี้

1.รูปเกม ค้อนรับเหนียวทำผีเหงื่อตกก่อนคว้าชัย

รูปเกมก็เป็นไปตามคาด เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินหน้าลุยใส่ทีมเยือนอย่างหนัก แต่การที่ บรูโน เฟอร์นันเดส ถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง ทำให้เกมรุกของปิศาจแดงขาดไอเดียในการเข้าทำอย่างมาก ได้แค่เพียงจ่ายบอลกันไปมา หรือเมื่อมีโอกาสก็ซัดไปติดบล็อกกองหลังของขุนค้อนที่ยืนกันเป็นระเบียบและแน่นหนา กว่าที่ยูไนเต็ดจะมีลุ้นแบบจริงๆ จังๆ ก็ต้องรอจนถึงนาทีที่ 27 จากจังหวะที่ อเล็กซ์ เตลเลส เปิดลูกเตะมุมจากฝั่งซ้ายเข้ากรอบเขตโทษ และเป็น วิคตอร์ ลินเดลลิฟ ขึ้นโหม่งเน้นๆ บอลแฉลบจะเข้าประตู แต่ ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี พุ่งปัดออกไปได้ ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0

จากนั้นครึ่งหลัง แมนยูฯ ยังลุยใส่ต่อเนื่อง นาทีที่ 53 เจ้าถิ่นพลาดโอกาสทอง เมื่อ เมสัน กรีนวูด เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ บอลแฉลบ อองโตนี มาร์เชียล ย้อยมาเสาสอง มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้ยิงจ่อๆ แต่ ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี ปัดออกไปได้ จากนั้นนาทีที่ 73 โซลชาร์ ทนอึดอัดไม่ไหว ส่ง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ บรูโน เฟอร์นันเดส ลงมาแทน เนมันยา มาติช กับ ดอนนี ฟาน เดอ เบค ซึ่งก็ทำให้เกมรุกของยูไนเต็ดดูเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น แต่ก็มีจังหวะหวิดเสียประตูอยู่เหมือนกัน เมื่อ เคร็ก ดอว์สัน ได้ขึ้นโหม่งลูกเตะมุม แต่ อารอน วาน-บิสซากา ยังสกัดทิ้งออกไปได้ ก่อนจะจบ 90 นาที ด้วยสกอร์ 0-0 ต้องมาลุ้นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ กระทั่งนาทีที่ 97 แมนยูฯ ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด จ่ายบอลให้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ซัดด้วยขวาเข้าไปตุงตาข่าย และครบ 120 นาที ยูไนเต็ด ชนะไป 1-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมได้สำเร็จ

2.ฟาน เดอ เบค น่าเป็นห่วง

เกมนี้ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้โอกาส ดอนนี ฟาน เดอ เบค กองกลางเลือดดัตช์ ลงเป็นตัวจริง แต่เจ้าตัวกลับไม่สามารถฉวยโอกาสนี้ในการแสดงผลงานที่โดดเด่นออกมาได้ การเคลื่อนที่ดูงงๆ จะบอกว่าเป็นกองกลางก็ไม่เชิง หน้าต่ำก็ไม่ใช่ เหมือนวิ่งไปทั่วจนหลงตำแหน่ง บางครั้งก็เข้าไปอยู่แถวกรอบเขตโทษมากเกินไป ทั้งที่เจ้าตัวควรจะถอยลงมาช่วยทีมปั้นเกม เพราะจะให้ เฟร็ด กับ มาติช คอยสร้างสรรค์เกมมันก็ไม่ใช่ เพราะทั้งคู่เป็นตัวรับมากกว่า และที่สำคัญ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนร่วมทีมมากเท่าที่ควร อย่างที่ มาร์ค ฮิวจ์ส อดีตกองหน้าของปิศาจแดง ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า “ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่ไว้ใจที่จะส่งบอลให้กับ เดอ เบค นะ เมื่อนักเตะอย่าง เฟร็ด และ มาติช มองขึ้นไปด้านหน้าและพวกเขาเห็น มาร์คัส แรชฟอร์ด, อองโตนี มาร์เชียล และ เมสัน กรีนวูด ซึ่งเป็นนักเตะอายุน้อยแต่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม มันเหมือนกับว่าความคิดแรกของพวกเขาคือการส่งบอลให้สามคนนั้น ส่วน ฟาน เดอ เบค เขาต้องแสดงอะไรให้เห็นมากกว่าที่เขาทำอยู่ในตอนนี้”

3.แรชฟอร์ด-มาร์เชียล ต้องพัฒนาตัวเองอีกเยอะ

เป็นเกมที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด โชว์ฟอร์มได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง แม้จะเป็นคนทำแอสซิสต์ให้ แม็คโทมิเนย์ ยิงประตูชัย แต่ฟอร์มโดยรวมถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นจังหวะได้ยิงจ่อๆ แต่ซัดไปติดเซฟ ฟาเบียนสกี ทั้งที่มีมุมอื่นให้เลือกยิงมากมาย นอกจากนี้สิ่งที่ต้องแก้เร่งด่วนก็คือ ความดื้อรั้นที่มักจะชอบเลี้ยงบอลไปเองแบบไม่สนใจใคร แต่หลายครั้งที่ลุยไปเองแล้วเลี้ยงไม่ผ่าน ทั้งที่บางจังหวะถ้าเลือกที่จะจ่ายจะทำให้ทีมได้เปรียบกว่านี้ ส่วน อองโตนี มาร์เชียล ดูเหมือนจะไม่สามารถเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ดีได้ เนื่องจากไม่มีความแข็งแกร่งเลย เจอคู่แข่งเบียดนิดชนหน่อยก็ล้มแล้ว และยังขาดความกระตือรือร้น เพราะบางทีทำเสียบอลก็ไม่ไล่ตาม จังหวะทำประตูก็ไม่มีความเด็ดขาด เรียกได้ว่า โซลชาร์ ต้องติวเข้มทั้งสองคนให้หนักกว่านี้ หากหวังให้เป็นที่พึ่งแท้จริงของทีม

4.แม็คโทมิเนย์สุดยอด

กลายเป็นจอมทำประตูอีกคนของทีมไปแล้วสำหรับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางทีมชาติสกอตแลนด์ ประตูชัยที่เขาทำให้ทีมได้ในเกมนี้ถือเป็นประตูที่ 7 ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้อีกด้วย เกมนี้เขาถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองเนื่องจาก โซลชาร์ ต้องการให้ได้พักบ้าง และเมื่อถูกส่งลงมาเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ช่วยขับเคลื่อนแดนกลางของทีมได้อย่างดีเยี่ยม ทำได้ดีทั้งเกมรับและเกมรุก จนสุดท้ายเติมขึ้นมายิงประตูสำคัญให้ทีมได้ในที่สุด อนาคตคงจะได้เห็นเขาเป็นกัปตันทีมแบบจริงๆ จังๆ อย่างแน่นอน