โคตรดราม่า สวิส สู้สุดใจดับจุดโทษถีบ ฝรั่งเศส ร่วงยูโร ลิ่วชนสเปนรอบ 8 ทีม
“ตราไก่” ฝรั่งเศส ทีมเต็งแชมป์โดน สวิตเซอร์แลนด์ รัวไล่เจ๊าในเวลา 90 นาที 3-3 สุดท้ายต้องลุ้นถึงฏีกาดวลจุดโทษเอาชนะไปได้ 5-4 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นหนแรก โดยจะเข้าไปพบกับ สเปน ในศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย คืนวันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน มิถุนายน 2564 จากสนาม อารีน่า นาติโอนาล่า เมือง บูคาเรสต์ ประเทศ โรมาเนีย เป็นการพบกันระหว่าง ฝรั่งเศส ที่เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม เอฟ ดวล สวิตเซอร์แลนด์ 1 ใน 4 ทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดจากกลุ่ม เอ
เปิดฉากครึ่งแรก 2 นาที “ตราไก่” ทักทายก่อนจากลูกเตะมุมทางซ้ายของ อ็องตวน กรีซมันน์ ปั่นบอลโค้งมาเสาแรกเข้าหัว ราฟาแอล วาราน ลอยมาโขกเต็มแรงแต่โดนไม่ดีเหินข้ามคานหลุดออกหลังไป แต่แล้วนาทีที่ 15 กลายเป็น สวิตเซอร์แลนด์ ทะยานออกนำ 1-0 จากจังหวะทางซ้ายอง สตีเว่น ซูเบอร์ สอดมาเก็บบอลแต่งหาช่องหยอดเข้าเขตโทษให้ ฮาริส เซเฟโรวิช ใช้แขนเบียด เกลม็องต์ ล็องช์เล่ต์ ขึ้นไปโขกเปลี่ยนทางผ่านมือ อูโก้ โยริส เบียดโคนเสาแรกงามหยด นาทีที่ 22 ฝรั่งเศส หวิดตามตีเสมอจากบอลทางซ้ายของ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ตบเข้าเขตโทษให้ อาเดรียง ราบีโอต์ สอดมาตวัดไปเสาไกลเกือบถึง คาริม เบนเซม่า แต่ต้องชม ยันน์ ซอมเมอร์ ออกมาปัดทำลายจังหวะเอาไว้ได้ 3 นาทีต่อมาจากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษฝั่งซ้ายของ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ซัดเต็มข้อไปติดกำแพงเด้งมาเข้าทางซ้ำอีกทีก็ยังปลิ้นหลังเท้าหลุดออกไปไกล จากจังหวะต่อเนื่องคราวนี้เป็น อาเดรียง ราบีโอต์ แหวกขึ้นมาซัดด้วยซ้ายหน้ากรอบ 18 หลาพุ่งผ่านมือ ยันน์ ซอมเมอร์ ถากเสาออกหลังนิดเดียว 30 นาทีผ่าน สวิตเซอร์แลนด์ ตอบโต้บ้างจากฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งซ้าย สตีเว่น ซูเบอร์ ครอสเข้าเขตโทษลึกไปเสาไกลถึง บรีล เอ็มโบโล่ ชิงเหลี่ยมเอาชนะ เปรสแนล คิมเป็มเบ้ ขึ้นไปโขกโดนไม่ดีบอลผ่านหน้าประตูออกไปอย่างน่าเสียดาย ท้ายครึ่งแรก “ตราไก่” พยายามเร่งเครื่องจากจังหวะประสานงานทางขวา อ็องตวน กรีซมันน์ ไขว้จ่ายต่อให้ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ พาแหวกเข้าในสับหลอกได้ช่องซัดด้วยซ้ายข้ามคานออกไปไกลโดย ฝรั่งเศส ยังยิงไม่ตรงกรอบแม้แต่ครั้งเดียว หมดครึ่งเวลาแรก ฝรั่งเศส ตามหลัง สวิตเซอร์แลนด์ 0-1
กลับมาต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 50 สวิตเซอร์แลนด์ สวนคืนบ้างจากความแข็งแกร่งของ บรีล เอ็มโบโล่ พาบอลแหวกเข้าเขตโทษฝั่งขวาได้ช่องตบไปเสาไกลเสียดายย้อนหลัง ฮาริส เซเฟโรวิช โดนแนวรับ ฝรั่งเศส หวดทิ้งออกมา 3 นาทีต่อมา สวิตเซอร์แลนด์ พลาดโอกาสบวกสกอร์เพิ่มจากจังหวะความสามารถเฉพาะตัวของ สตีเว่น ซูเบอร์ พาบอลกระชากขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนโดน แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ ตามมากวาดร่วงไปในกรอบเขตโทษ เฟร์นานโด ราปายินี่ ผู้ตัดสินปล่อยให้เกมดำเนินต่อไปหลายนาทีก่อนได้รับสัญณานจากห้อง วีเออาร์ ขอวิ่งออกไปดูที่ข้างสนามแล้วหันกลับมาชี้เป็นลูกจุดโทษแต่ ริคาร์โด้ โรดริเกซ สังหารไปติดเซฟ อูโก้ โยริส นาทีที่ 56 จากบอลหน้าประตูของ ปอล ป็อกบา คลึงหนีแนวรับ สวิตเซอร์แลนด์ ได้ช่องปาดออกซ้ายให้ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เอียงตัวปั่นด้วยขวาตามน้ำกระดอนพื้นผ่านมือ ยันน์ ซอมเมอร์ เฉี่ยวโคนเสาสองออกหลัง แต่แล้วนาทีที่ 57 ฝรั่งเศส ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากความผิดพลากของ สวิตเซอร์แลนด์ เสียบอลกลางทางสุดท้ายเป็น อ็องตวน กรีซมันน์ แทงขึ้นมาถึง คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ แปะเร็วต่อให้ คาริม เบนเซม่า เกี่ยวบอลไขว้เข้าเขตโทษก่อนยกข้าม ยันน์ ซอมเมอร์ ตุงตาข่าย นาทีต่อมากลายเป็น “ตราไก่” รัวแซงนำ 2-1 จากจังหวะประสานงานสุดสวย คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ไขว้บอลชิ่งคืนให้ อ็องตวน กรีซมันน์ หลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายซัดไปติดปลายมือ ยันน์ ซอมเมอร์ ลอยมาเสาไกลเข้าทางปืน คาริม เบนเซม่า โขกจ่อๆเสยเพดานตาข่ายไม่เหลือ 65 นาทีผ่าน สวิตเซอร์แลนด์ ออกหมัดบ้างจากฟรีคิกทางขวา เซอร์ดาน ชาคิรี่ หยอดเข้าเขตโทษให้ ฮาริส เซเฟโรวิช สอดมาชาร์จในกรอบ 6 หลาออกหลังเหลือเชื่อสุดท้ายมีเสียงนกหวีดโดนจับฟาวล์ไปก่อนแล้ว ไม่หนำใจนาทีที่ 75 ฝรั่งเศส ทิ้งห่างเป็น 3-1 จากจังหวะของ ปอล ป็อกบา เก็บตกหน้ากรอบเขตโทษตั้งป้อมปั่นด้วยขวาระยะร่วม 30 หลาบอลติดไซค์โป้งโค้งผ่านมือ ยันน์ ซอมเมอร์ เสียบสามเหลี่ยมงามหยด นาทีที่ 81 สวิตเซอร์แลนด์ ปลุกความหวังไล่มาเป็น 3-2 จากบอลทางขวาของ เควิน เอ็มบาบู หลุดขึ้นมาครอสเข้าเขตโทษโค้งมาเข้าหัว ฮาริส เซเฟโรวิช สอดมาระหว่างแนวรับ ฝรั่งเศส โขกเข้าไปไม่พลาด 3 นาทีต่อมาแฟนบอล ฝรั่งเศส หวิดช็อกจากจังหวะของ ริคาร์โด้ โรดริเกซ ลากบอลตัดเข้าในก่อนซัดด้วยขวาบอลไปติดเซฟ อูโก้ โยริส ปัดมาเข้าทาง มาริโอ กาฟราโนวิช ทิ้งตัวทิ่มเข้าไปโชคดีมีธงล้ำหน้ายกขึ้นมา แต่แล้วนาทีที่ 89 สวิตเซอร์แลนด์ ตายยากไล่ตีเสมอเป็น 3-3 จากจังหวะเสียบอลกลางสนามของ ปอล ป็อกบา สุดท้ายเป็น กรานิต ชาคา แทงช่องสุดงามขึ้นมาให้ มาริโอ กาฟราโนวิช โยกหนี เปรสแนล คิมเป็มเบ้ ได้ช่องหักข้อด้วยขวาผ่านมือ อูโก้ โยริส ซุกหน้าต่างเสาแรก ช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 90+4 ฝรั่งเศส เกือบมีหมัดน็อค มุสซ่า ซิสโซโก้ ขยับมาเก็บบอลทางขวาดึงจังหวะหาช่องหยอดเข้าเขตโทษย้อยมาเสาไกลเข้าทาง คิงส์เล่ย์ โกมัน พักอกเอียงตัวยิงด้วยขวาพุ่งไปชนคานเด้งออกมา หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่มจบเกม 90 นาที ฝรั่งเศส เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 3-3 ต้องไปต่อเวลาพิเศษหาทีมผ่านเข้ารอบ
ช่วงเวลาพิเศษ สวิตเซอร์แลนด์ ได้ใจจากลุกเตะมุมทางขวา อัดเมียร์ เมห์เมดี้ โฉบมาชาร์จที่เสาแรกไปตรงตัว อูโก้ โยริส จากจังหวะต่อเนื่อง ฝรั่งเศส ต้องมาเสีย คาริม เบนเซม่า บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนาม นาทีที่ 95 ฝรั่งเศส พลาดโอกาสทองจาก คิงส์เล่ย์ โกมัน ใช้ความเร็วเผา เควิน เอ็มบาบู หลุดขึ้นมาทางซ้ายทิ้งตัวตวัดเข้าในย้อนมาถึง แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ จับบอลก่อนดีดด้วยขวาติดปลายมือ ยันน์ ซอมเมอร์ ผวาปัดข้ามคานเหลือเชื่อ นาทีที่ 109 เอ็นโกโล่ ก็องเต้ พากระชากลุยขึ้นมาติดขาแนวรับ สวิตเซอร์แลนด์ ไหลมาเข้าทาง คิงส์เล่ย์ โกมัน ทางซ้ายขยับหาช่องปาดย้อนเข้าในให้ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ตั้งเท้าแปด้วยขวาหลุดออกหลังเหมือนเดิม “ตราไก่” โหมหนักนาทีต่อมาจากบอลจ่ายหน้าเขตโทษของ ปอล ป็อกบา แทงช่องสุดงามเข้าในให้ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปซัดด้วยซ้ายในกรอบ 6 หลาหลุดเสาแรกออกไปอย่างน่าผิดหวัง นาทีที่ 120 เปรสแนล คิมเป็มเบ้ ทิ้งบอลยาวเข้าเขตโทษให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ใช้ความแข็งแกร่งเบียดชนะ ฟาเบียน แชร์ ขึ้นไปโขกเปลี่ยนทางแต่ก็ยังไม่ผ่านมือ ยันน์ ซอมเมอร์ ลอยไปคว้าไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม จบช่วงต่อเวลาพิเศษ ฝรั่งเศส ยังเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 3-3 ต้องตัดสินด้วยจุดโทษ สุดท้ายเป็น สวิตเซอร์แลนด์ ทำได้ดีกว่าแม่นโทษดับ ฝรั่งเศส 5-4 ลอยลำผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายสำเร็จ
รายชื่อนักเตะที่ลงสนามตัวจริง
ฝรั่งเศส : อูโก้ โยริส, ราฟาแอล วาราน, เปรสแนล คิมเป็มเบ้, เกลม็องต์ ล็องช์เล่ต์ (คิงส์เล่ย์ โกมัน น.46), (มาร์คุส ตูราม น.111), แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ปอล ป็อกบา, อาเดรียง ราบีโอต์, อ็องตวน กรีซมันน์ (มุสซ่า ซิสโซโก้ น.88), คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, คาริม เบนเซม่า (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.94)
สวิตเซอร์แลนด์ : ยันน์ ซอมเมอร์, นิโก้ เอลเวดี้, มานูเอล อคานจี, ริคาร์โด้ โรดริเกซ (อัดเมียร์ เมห์เมดี้ น.87), ซิลแว็ง วิดแมร์ (เควิน เอ็มบาบู น.73), เรโม ฟรอยเลอร์, กรานิต ชาคา, สตีเว่น ซูเบอร์ (คริสเตียน ฟาสนัคท์ น.79), เซอร์ดาน ชาคิรี่ (มาริโอ กาฟราโนวิช น.73), ฮาริส เซเฟโรวิช (ฟาเบียน แชร์ น.97), บรีล เอ็มโบโล่ (รูเบน วาร์กัส น79.)