“ลูกากู” ซัดปิด เบลเยียมเฮรวดซิวแชมป์กลุ่มถีบฟินแลนด์ลุ้นอันดับ 3 ที่ดีที่สุด

เบลเยียม ทำผลงานได้ตามเป้าหลังเชือด ฟินแลนด์ 2-0 เก็บ 9 คะแนนเต็มซิวแชมป์กลุ่ม ส่วนทาง ฟินแลนด์ ช้ำใจร่วงไปลุ้นเป็นอันดับ 3 ที่ดีที่สุด ในศึกฟุตบอล ยูโร2020 รอบแบ่งกลุ่ม (นัดสุดท้าย) กลุ่ม บี คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่ม บี คืนวันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน ที่สนาม เครสตอฟสกี้ สเตเดี้ยม เมือง เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศ รัสเซีย เป็นการพบกันระหว่าง เบลเยียม ที่ตีตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเรียบร้อยโดยมีเป้าหมายคือแชมป์กลุ่ม ดวล ฟินแลนด์ ที่ต้องการแต้มเพื่อความหวังลุ้นเข้ารอบ พบ ฟินแลนด์ รั้งอันดับ 3 ของกลุ่ม จากการมีสามแต้มในเวลานี้ เป้าหมายวันนี้คือต้องพยายามมีแต้มเพื่อโอกาสในการลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย

เปืดฉากเกมครึ่งแรก 10 นาทีผ่านรูปเกมอึดอัดโดยเป็น ฟินแลนด์ หวิดได้ซัดจากจังหวะของ ตีมู ปุ๊กกี้ สอดมารับบอลในกรอบเขตโทษแต่โดน เควิน เดอ บรอยน์ ขยันวิ่งตามมาทิ่มช่วยสกัดเอาไว้ได้ทัน 5 นาทีต่อมา เบลเยียม ออกหมัดบ้างจากลูกแทงช่องสุดเหนือชั้นของ เควิน เดอ บรอยน์ แทงยาวมาให้ โรเมลู ลูกากู พาเข้าเขตโทษก่อนซัดด้วยซ้ายหลุดเสาสองออกไปนิดเดียว แต่จังหวะนี้ ผู้ช่วยผู้ตัดสิน ยกธงล้ำหน้าขึ้นมาก่อนแล้ว นาทีที่ 22 เบลเยียม เร่งเครื่องจากความสามารถเฉพาะตัวของ เควิน เดอ บรอยน์ พาแหวกเข้าเขตโทษก่อนตบด้วยซ้ายติดบล็อค เปาลุส อรายูรี่ เปลี่ยนทางไปติดหน้า ลูคัส ฮราเด็คกี้ เกือบเข้าประตูตัวเอง จากจังหวะต่อเนื่องคราวนี้เป็น อักเซล วิตเซิ่ล สอดมารับบอลหน้ากรอบ 18 หลาก่อนตั้งป้อมซัดด้วยขวาเสียดายโดนไม่ดีเบาไหลไปเข้ามือ ลูคัส ฮราเด็คกี้ รับเอาไว้ได้ไม่ยาก นาทีที่ 32 จากจังหวะทางขวาของ เฌเรมี โดกูว์ กระชากเข้าเขตโทษได้ช่องตบเข้าในเลยมาถึง ยูน่า ทอยวิโอ สกัดไม่ดีกลายเป็นตั้งย้อนมาหน้ากรอบ 18 หลาเข้าทาง อักเซล วิตเซิ่ล สอดมาซัดข้ามคานออกไปไกล 6 นาทีต่อมา เควิน เดอ บรอยน์ ตักบอลย้อยเข้าเขตโทษมาตกใส่หัว โรเมลู ลูกากู ขึ้นโขกหน้ากรอบ 6 หลาเสียดายไม่มีน้ำหนักแถมไปตรงตัว ลูคัส ฮราเด็คกี้ เหมือนเดิม เบลเยียม มาส่งท้ายในนาทีที่ 42 จากจังหวะทางซ้ายของ เฌเรมี โดกูว์ รับบอลจาก เควิน เดอ บรอยน์ แหวกเข้าเขตโทษตัดเข้าในก่อนปั่นด้วยขวาติดปลายมือ ลูคัส ฮราเด็คกี้ เซฟเอาไว้ได้เหลือเชื่อ หมดครึ่งเวลาแรก ฟินแลนด์ เสมอ เบลเยียม 0-0

กลับมาบู๊ครึ่งหลังเริ่มได้ 10 นาที เบลเยียม เร่งเครื่องโหมบุก นาเซอร์ ชาดลี่ ขยับหนีมาทางซ้ายก่อนหยอดเข้าเขตโทษเกือบเข้าหัว โรเมลู ลูกากู เลยออกมานิดเดียว จากจังหวะต่อเนื่อง เอแด็น อาซาร์ ลากแหวกเข้าในได้ช่องหักข้อด้วยซ้ายก็ยังไม่ตรงกรอบ นาทีที่ 62 ฟินแลนด์ ออกหมัดบ้าง ตีมู ปุ๊กกี้ สอดมาเก็บบอลในเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนจ่ายตั้งให้ โยเอล โปห์ยานปาโล่ ทิ้งตัวดีดย้อนมาเข้าทาง เกล็น กามาร่า ซัดแฉลบแนวรับ เบลเยียม เข้ามือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ นาทีต่อมา เบลเยียม พลาดโอกาสทอง อักเซล วิตเซิ่ล พักบอลในเขตโทษก่อนดีดให้ เอแด็น อาซาร์ โฉบมาทิ่มด้วยซ้ายลอดขา เปาลุส อรายูรี่ ติดเซฟ ลูคัส ฮราเด็คกี้ ล้มตัวควักออกมาหวุดหวิด 65 นาทีผ่าน เบลเยียม หวิดทะยานออกนำจากจังหวะประสานงานสุดสวย โรเมลู ลูกากู เลี้ยงไลน์รับบอลจาก เควิน เดอ บรอยน์ พลิกเข้าเขตโทษก่อนล่อเป้าด้วยซ้ายผ่านมือ ลูคัส ฮราเด็คกี้ ตุงตาข่าย เสียดายจากจังหวะนี้ เฟลิกซ์ บรีช รอยืนยันจากห้องวีเออาร์ก่อนเป่าริบสกอร์คืนเนื่องจากข้อเท้าของ โรเมลู ลูกากู ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว แต่แล้วนาทีที่ 74 เบลเยียม ทะยานออกนำ 1-0 จนได้จากลูกเตะมุมทางซ้าย เควิน เดอ บรอยน์ ครอสเข้าเขตโทษมาตกใส่หัว โธมัส แฟร์มาเล่น โขกบอลกระดอนพื้นเด้งชนคานมาแฉลบปลายมือ ลูคัส ฮราเด็คกี้ เข้าประตูตัวเอง ต่อมานาทีที่ 81 เบลเยียม ทิ้งห่างเป็น 2-0 จากความแข็งแกร่งของ โรเมลู ลูกากู ใช้ตัวพิงแนวรับ ฟินแลนด์ รับบอลจาก เควิน เดอ บรอยน์ ก่อนพลิกมาซัดด้วยขวาผ่านหน้า ลูคัส ฮราเด็คกี้ ที่ได้แต่ยืนมองซุกก้นตาข่าย หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม ฟินแลนด์ แพ้ เบลเยียม 0-2 ทำให้เบลเยี่ยมรั้งจ่าฝูงพร้อมการันตีผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีม แต่ทางด้านฟินแลนด์ ต้องรอลุ้นอันดับ 3 ที่ดีที่สุด เพื่อไปต่อรอบ 16 ทีม

รายชื่อนักเตะที่ลงสนามตัวจริง

ฟินแลนด์ : ลูคัส ฮราเด็คกี้, ยุคก้า ไรตาล่า, ยูน่า ทอยวิโอ, เปาลุส อรายูรี่, ดาเนี่ยล โอชอนเนสซี่, เยเร ยูโรเนน (นิโคไล อัลโฮ น.70), เกล็น กามาร่า, ทิม สปาร์ฟ (ราสมุส ชูลเลอร์ น.59), โรบิน ล็อด (มาร์คัส ฟอร์ส น.91), เยเร่ ยูโรเน่น, ตีมู ปุ๊กกี้ (เฟรดริค เยนเซ่น น.91), โยเอล โปห์ยานปาโล่ (โยนี่ เคาโก้ น.70)

เบลเยียม : ติโบต์ กูร์กตัวส์, เจสัน เดนาเยอร์, เดดริค โบยาต้า, โธมัส แฟร์มาเล่น, นาเซอร์ ชาดลี่, เควิน เดอ บรอยน์ (ฮานส์ วานาเคน น.91), อักเซล วิตเซิ่ล, เลอันโดร โตรส์ซาร์ (โธมัส มูนิเยร์ น.75), เอแด็น อาซาร์, โรเมลู ลูกากู (คริสตีย็อง เบนเตเก้ น.84), เฌเรมี โดกูว์ (มิชี่ บาตชูอายี่ น.75)